อานิสงส์การทำบุญ



11 อานิสงส์สร้างเวจกุฏี (ห้องน้ำ)

.....ใจความว่า พระศาสดาได้เสด็จประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร แห่งกรุงสาวัตถี
มีมาณพคนหนึ่งเป็นช่างทองทำการขายทองรูปพรรณอยู่ในกรุงสาวัตถีนั้น จนมั่งมีโภค
ทรัพย์สมบัติมากอยู่มาวันหนึ่งมาณพนั้นมาคิดว่า เราค้าขายทองก็มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ
ทรัพย์ที่หามาได้โดยยาก ก็ไม่อยากจะให้สูญหายไปโดยเร็ว ตริตรองหาวิธีที่จะเก็บทรัพย์ให้ได้อยู่นาน
ก็ไม่พบวิธีที่จะป้องกันความเสื่อมเสียของทรัพย์ได้ เพราะว่าทรัพย์เป็นของกลางเป็นเครื่องอาศัยของคน
ทุกคน สุดแล้วแต่ใครจะขยันหมั่นเพียรหามาได้เท่านั้น ถึงแม้จะหามาได้มากก็ดี ถ้าขาดปัญญาเป็น
เครื่องรักษาทรัพย์แล้วทรัพย์นั้นก็ไม่คงทนอยู่ได้ แม้จะอยู่ได้ตลอดไปตนเองก็มีชีวิตยืนนานที่จะบริโภค
ต่อไปไม่ได้เพราะความตายย่อมมาพรากตนให้หนีไปเสียจากทรัพย์เมื่อสิ้นชีพแล้วทรัพย์เหล่านั้น ก็ไม่
ติดตามตนไปปล่อยไว้ให้คนอื่นเขาใช้สอยอย่างสบาย เห็นมีอยู่แต่อย่างเดียวเท่านั้น ที่จะติดตามตัวไป
ในอนาคต คือฝังทรัพย์ไว้ในพุทธศาสนาเมื่อคิดเช่นนี้แล้วก็คิดดูว่าจะทำอะไร สิ่งอื่น ๆ ก็มีผู้ทำไว้หมด
แล้ว ก็เห็นแต่เวจกุฎีเท่านั้นที่ยังไม่มีใครทำเลย

เมื่อคิดเช่นนี้แล้วจึงได้สร้างขึ้นเมื่อสำเร็จแล้วยังได้สร้างโรงไฟ แลที่สำหรับอาบน้ำอีกด้วย
เมื่อเสร็จสรรพดีแล้ว ก็ทำการฉลองอย่างมโหฬารและมอบถวายแก่ ภิกษุสงฆ์
มีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นประธานแล้วตั้งปฏิธานความปรารถนาว่าข้าแต่ท่านผู้
เจริญ เมื่อข้าพเจ้ายังไม่ถึงพระนิพพานตราบใด ขึ้นชื่อว่าความทุกข์อันเกิดแต่โรคต่าง ๆ อย่าได้มาแผ้ว
พานต่อข้าพเจ้าเลย อิมินาทาเนน ด้วยอำนาจผลทานนี้พระสารีบุตรก็อนุโมทนาว่า ขอให้ความ
ปรารถนาจงเป็นผลสำเร็จเถิดมาณพนั้นเป็นผู้ไม่ประมาทผลทาน ให้สมาทานศีลครั้นทำกาลกิริยาตาย
ไปแล้วไปเกิดบนสวรรค์เทวโลก มีสมบัติวิมานทอง มีเทพอัปสรเป็นยศบริวาร อยู่มาวันหนึ่งภิกษุทั้ง
หลายนั่งสนทนา ถึงมาณพผู้นั้นอยู่พระศาสดาเสด็จมาถึงในที่นั้นแล้วตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลายเธอ
นั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบ

พระองค์ทรงแสดงธรรมเทศนา แก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย
นรชนทั้งหลายเกิดมาได้พบพระพุทธเจ้าและในขณะที่พุทธศาสนายังประดิษฐานอยู่
จะเป็นผู้เศร้าโศกในอบายภูมิ เป็นจำนวนมากมาณพที่เป็นช่างทองนี้ได้พบทั้ง
สองประการแล้วไม่เป็นผู้ประมาท ได้สร้างเวจกุฎีถวายบูชาพระรัตนตรัยด้วยศรัทธาเลื่อมใส ได้เสวย
สุขในสุคติโกลสวรรค์ และเป็นปัจจัยให้ถึงซึ่งพระนิพพาน แม้ในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าทรงพระ
นามว่าตัณหังกร เราตถาคตก็เคยสร้างเวจกุฎี และที่สำหรับอาบแก่พระภิกษุสามเณรได้ตั้ง
สัตยธิษฐานว่า ขอให้ข้าพระองค์ได้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์หนึ่ง ในอนาคตกาล ด้วยผลแห่งอานิงส์
ที่ข้าพระองค์ได้สร้างเวจกุฎีให้เป็นสาธารณะทานนี้ ตถาคตครั้นทำลายขันธ์แล้วก็ไปบังเกิดสวรรค์เสวย
ทิพย์สมบัติอยู่ชั้นดุสิตครั้นจุติจากชาตินั้นแล้ว ได้ท่องเที่ยงอยู่สังสารวัฎฎ์จนบารมีเต็มเปี่ยมแล้วจึงตรัส
เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือตถาคตนี้เอง ก็สมดังคำปรารถนาในครากาลครั้งโน้นทุกประการ เมื่อจบ
พระธรรมเทศนาจบลงแล้วชนทั้งหลายเป็นอันมากได้ดวงตาเห็นธรรม ต่างก็รื่นเริงบันเทิงใจในเวจกุฎี
เป็นยิ่งนัก

<หน้าก่อน<<< สารบัญ >>>หน้าถัดไป>