พิมพ์หน้านี้ | ส่งหน้านี้ให้เพื่อน |
 


84000.org
 
       
 

84000.org::...

27-พระสุภูติเถระ
เอตทัคคะในทางอรณวิหารและทักขิเณยยบุคคล

พระสุภูติ เกิดในวรรณแพศย์ เป็นบุตรของสุมนเศรษฐีผู้เป็นน้องชายของอนาถบิณฑิก
เศรษฐี ในนครสาวัตถี ท่านเป็นผู้มีลักษณะดี ผิวพรรณผ่องใสสะอาด สวยงาม จึงได้นามว่า
“สุภูติ” ซึ่งถือว่าเป็นมงคลนาม มีความหมายว่า “ผู้เกิดดีแล้ว”
  • ออกบวชคราวฉลองพระเชตวัน
    เหตุการณ์ที่ชักนำให้ท่านได้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา ก็เนื่องมาจากอนาถบิณฑิก
    เศรษฐีผู้เป็นลุง ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ขณะประทับอยู่ ณ ป่าสีตวัน เมื่องราชคฤห์
    และได้ฟังพระธรรมเทศนา ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันแล้วกราบทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาค
    เพื่อเสด็จกรุงสาวัตถี เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงรับอาราธนาแล้ว รีบเดินทางกลับมาสู่กรุงสาวัตถี
    ได้จัดซื้อที่ดินอันเป็นราชอุทยานของเจ้าชายเชตราชกุมาร ด้วยวิธีนำเงินมาวางเรียงให้เต็มพื้นที่
    ตามที่ต้องการ ปรากฏว่าอนาถบิณฑิกเศรษฐี ต้องใช้เงินถึง ๒๗ โกฏิ จึงได้พื้นที่พอแก่ความ
    ต้องการ จำนวน ๑๘ กรีส (๑ กรีส = ๑๒๕ ศอก) และใช้เงินอีก ๒๗ โกฏิ สร้างพระคันธกุฎีที่
    ประทับสำหรับพระผู้มีพระภาค และเสนาสนะสำหรับพระสงฆ์สาวก แต่ยังขาดพื้นที่สร้างซุ้ม
    ประตูพระอาราม เจ้าชายเชตราชกุมารจึงขอมอบพื้นที่และจัดสร้างให้ โดยขอให้จารึกพระนาม
    ของพระองค์ไว้ที่ซุ้มประตูพระอารามนั้น “เชตวัน” ดังนั้น พระอารามนี้จึงได้นามว่า
    “พระเชตะวันมหาวิหาร”
    ในวันที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี จัดการฉลองพระวิหารเชตะวันนั้นได้กราบอาราธนา
    พระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ มาเสวยและฉันภัตตาหารสุภูติกุฎุมพี ผู้เป็นหลาน ได้ติด
    ตามไปร่วมพิธีช่วยงานนี้ด้วย ครั้นได้เห็นพระฉัพพรรณรังสี ที่เปล่งออกจากพระวรกายของพระ
    บรมศาสดา สวยงามเรืองรองไปทั่วบริเวณ ทำให้เกิดศรัทธาเลื่อมใส เมื่อการถวายภัตตาหารแด่
    พระภิกษุสงฆ์โดยมีพระพุทธองค์เป็นประมุขเสด็จเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสพระ
    ธรรมกถาอนุโมทนาทาน สุภูติกุฎุมพี ได้ฟังแล้วยิ่งเกิดศรัทธามากขึ้น จึงกราบทูลขออุปสมบท
    ในพระธรรมวินัย ครั้นได้อุปสมบทสมความปรารถนาแล้ว ได้ศึกษาพระวินัยปิฎกและพระ
    อภิธรรมปิฎกกจนเชี่ยวชาญ จากนั้นได้เรียนพระกรรมฐานจากพระบรมศาสดาแล้วหลีกออกไป
    บำเพ็ญสมณธรรม เจริญวิปัสสสนากรรมฐานอยู่ในป่า ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหัตผล
    สิ้นกิเลสอาสวะ เป็นพระอริยบุคคล ชั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนา

  • พักกลางแจ้งฝนจึงแห้งแล้ง
    พระสุภูติเถระ โดยปกติแล้วมักจะเข้าฌานสมาบัติ เพื่อแสวงงหาความสุขอันเกิดจากการ
    สิ้นกิเลส ท่านประกอบด้วยคุณสมบัติ ๒ ประการ คือ:-
    ๑. อรณวิหารธรรม คือ เจริญฌานประกอบด้วยเมตตา หรือเป็นอยู่อย่างไม่มีข้าศึก
    ๒. ทักขิเณยยบุคคล คือ เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน
    เพราะท่านมีปฏิปทานำมาซึ่งความเลื่อมใสแก่ผู้พบเห็น อันเป็นการช่วยเผยแผ่พระพุทธ
    ศาสนาทางหนึ่ง แม้แต่พระเจ้าพิมพิสาร เมื่อได้ทรงทราบว่าท่านเป็นผู้มีปกติเข้าฌานที่ประกอบ
    ด้วยเมตตาเป็นประจำไม่เว้นแม้แต่ในขณะบิณฑบาตก็ยังแผ่เมตตาให้แก่ผู้ถวายอาหารบิณฑบาต
    อย่างทั่วถึง ครั้นเมื่อพระเถระจาริกมาถึงแคว้นมคธ พระเจ้าพิมพิสาร จึงได้อาราธนาให้ท่านจำ
    พรรษาที่แคว้นมคธและท่านก็รับอาราธนาตามนั้น
    แต่เนื่องจากพระเจ้าพิมพิสาร ทรงมีพระราชกิจมาก จึงลืมรับสั่งให้จัดเสนาสนะสถานที่พัก
    ถวายท่าน ดังนั้น เมื่อท่านมาถึงแล้วจึงไม่มีที่พัก ท่านจึงต้องพักกลางแจ้ง ด้วยอำนาจแห่งคุณของ
    ท่าน จึงทำให้ดินฟ้าอากาศปรวนแปร ฝนไม่ตกตามฤดูกาล ชาวไร่ชาวนาปลูกพืชผลไม่ได้ผล
    ผลิต ต้องเดือดร้อนไปทั่ว ความทราบถึงพระเจ้าพิมพิสาร ทรงใคร่ครวญทบทวนแล้วทราบชัดว่า
    เพราะพระเถระจำพรรษากลางแจ้ง จึงเป็นเหตุให้ฝนแล้งไปทั่ว ดังนั้น จึงทรงรีบแก้ไขด้วยการรับ
    สั่งให้สร้างกุฎีถวายท่านโดยด่วน เมื่อกุฎีสำเร็จแล้ว จึงได้อาราธนาท่านให้เข้าพักอาศัยอยู่จำ
    พรรษาในกุฎีนั้น จากนั้นฝนก็ตกลงมาชาวประชาก็พากันดีใจ ปลูกพืช ผัก ผลไม้ ก็ได้ผลผลิตดี
    ตามต้องการ ความทุกข์ความเดือดร้อนก็หายไป
    ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคจึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคตะเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุ
    ทั้งหลาย ในทาง อรณวิหาร (เจริญฌานประกอบด้วยเมตตา) และ ทักขิเณยยบุคคล (เป็นผู้ควรรับ
    ทักษิณาทาน)
    ท่านดำรงอายุสังขาร ช่วยกิจการพระศาสนาสมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน

84000.org...::

สารบัญหลักหมวดภิกษุ
| 01 | 02 | 03 | 04 | 05 | 06 | 07 | 08 | 09 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
| 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 |
 
     

 

| หน้าแรก | ส่งเมลให้webmaster | เว็บบอร์ด |