ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 

อ่านชาดก 270000อ่านชาดก 270983อรรถกถาชาดก 270990
เล่มที่ 27 ข้อ 990อ่านชาดก 270997อ่านชาดก 272519
อรรถกถา มาตุโปสกคิชฌชาดก
ว่าด้วย เมื่อถึงคราวพินาศความคิดย่อมวิบัติ

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้เลี้ยงมารดา จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า เต กถํ นุ กริสฺสนฺติ ดังนี้.
เรื่องจักมีชัดแจ้งใน สามชาดก.
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในกำเนิดแร้ง เติบโตแล้วให้พ่อแม่ผู้แก่เฒ่า ตาเสื่อมคุณภาพแล้ว สถิตอยู่ที่ถ้ำเขาคิชฌกูฏ นำเนื้อโคเป็นต้นมาเลี้ยง.
เวลานั้นในเมืองพาราณสี นายพรานคนหนึ่งดักบ่วงแร้งโดยไม่กำหนดเวลาไปดูไว้ที่ป่าช้า อยู่มาวันหนึ่ง พระโพธิสัตว์เมื่อแสวงหาเนื้อโคได้เข้าไปป่าช้า เขาติดบ่วงไม่ได้คิดถึงตน ระลึกถึงแต่พ่อแม่ผู้แก่เฒ่าแล้ว บ่นไปว่า พ่อแม่ของเราจักอยู่ไปได้อย่างไรหนอ? ไม่รู้ว่าเราติดบ่วงเลยหมดที่พึ่งขาดอาหารปัจจัย เห็นจักผอมตายที่ถ้ำในภูเขานั่นเอง ดังนี้
กล่าวคาถาที่ ๑ ไปพลางว่า :-
ท่านเหล่านั้น พ่อแม่ของเราแก่เฒ่าแล้ว อาศัยอยู่ที่ซอกเขา จักทำอย่างไรหนอ เราก็ติดบ่วงตกอยู่ในอำนาจของนายพรานนิลิยะ.


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิลิยสฺส ได้แก่บุตรของนายพรานที่มีชื่ออย่างนี้

บุตรของนายพรานได้ยินคำโอดครวญของแร้งนั้นแล้ว จึงกล่าวว่า :-
แร้ง เจ้าโอดครวญทำไม การโอดครวญของเจ้าจะมีประโยชน์อะไรเล่า ข้าไม่เคยได้ยินหรือไม่เคยเห็นนกพูดภาษาคนได้เลย.


เราเลี้ยงพ่อแม่ผู้แก่เฒ่าแล้ว อาศัยอยู่ที่ซอกเขา ท่านจักทำอย่างไรหนอ? เมื่อเราตกอยู่ในอำนาจของท่านแล้ว.


ชาวโลกพูดกันว่า แร้งมองเห็นซากศพไกลถึงร้อยโยชน์ เหตุไฉน เจ้าแม้เข้าไปใกล้ตาข่ายและบ่วงแล้วจึงไม่รู้จัก.


เมื่อใดความเสื่อมจะมีและสัตว์จะมีความสิ้นชีวิต เมื่อนั้นเขาแม้จะเข้าไปใกล้ตาข่ายและบ่วงแล้วก็ไม่รู้จัก


เจ้าจงไปเลี้ยงพ่อแม่ผู้แก่เฒ่า แล้วอาศัยอยู่ในซอกเขาเถิด ข้าอนุญาตเจ้าแล้ว เจ้าจงไปพบญาติทั้งหลายโดยสวัสดี


ดูก่อนนายพราน เจ้าจงบันเทิงใจพร้อมด้วยญาติทั้งมวลเหมือนกันเถิด เราก็จักเลี้ยงพ่อแม่ผู้แก่เฒ่า แล้วอาศัยอยู่ที่ซอกเขา.


คาถาเหล่านี้คือ คาถาที่ ๒ นายพรานกล่าวคาถาที่ ๓ แร้งกล่าวแล้วตามลำดับ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยนฺนุ ความว่า ชาวโลกกล่าวคำนี้ใดไว้นะ.
บทว่า คิชฺโฌ โยชนสตํ กุณปานิ อุเปกฺขติ ความว่า แร้งมองเห็นซากศพที่วางอยู่เกินร้อยโยชน์ ถ้าหากชาวโลกกล่าวถ้อยคำนั้นไซร้ เมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุไฉน แร้งแม้เข้าไปใกล้ข่ายและบ่วงจึงไม่รู้จัก คือ แม้มาถึงที่แล้วก็ไม่รู้จัก.
บทว่า ปราภโว ได้แก่ ความพินาศ.
บทว่า ภรสฺสุ ความว่า นายพรานนั้น ครั้นได้ฟังธรรมกถาของพระโพธิสัตว์นี้แล้วคิดว่า พระยาแร้งผู้ฉลาด เมื่อโอดครวญก็ไม่โอดครวญเพื่อตน แต่โอดครวญเพื่อพ่อแม่ พระยาแร้งนี้ไม่ควรตาย แล้วได้กล่าวยินดีต่อพระโพธิสัตว์นั้น.
ก็แหละครั้นกล่าวแล้ว ก็แก้บ่วงออกด้วยจิตใจรักใคร่อ่อนโยน.

ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์พ้นจากมรณทุกข์มีความสุขใจแล้ว เมื่อจะทำอนุโมทนาแก่นายพรานนั้น จึงกล่าวคาถาสุดท้ายแล้ว ได้คาบเอาเนื้อเต็มปากไปให้พ่อแม่.

พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มา ประกาศสัจธรรมทั้งหลาย แล้วทรงประชุมชาดกไว้ ในที่สุดแห่งสัจธรรม ภิกษุผู้เลี้ยงมารดาได้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล
บุตรนายพรานในครั้งนั้น ได้แก่ พระฉันนเถระ ในบัดนี้
พ่อแม่ได้แก่ ราชตระกูลใหญ่
ส่วนพระยาแร้งได้แก่ เราตถาคต ฉะนี้แล.


จบ อรรถกถาคิชฌชาดกที่ ๔
-----------------------------------------------------

.. อรรถกถา มาตุโปสกคิชฌชาดก จบ.
อ่านชาดก 270000อ่านชาดก 270983อรรถกถาชาดก 270990
เล่มที่ 27 ข้อ 990อ่านชาดก 270997อ่านชาดก 272519
อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://84000.org/tipitaka/atita100/v.php?B=27&A=4342&Z=4358
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด พระไตรปิฎกฉบับธรรมทาน
บันทึก  ๔  กรกฎาคม  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]