ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 14 / 1อ่านอรรถกถา 14 / 292อรรถกถา เล่มที่ 14 ข้อ 318อ่านอรรถกถา 14 / 333อ่านอรรถกถา 14 / 853
อรรถกถา มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ อนุปทวรรค
สังขารูปปัตติสูตร

               ๑๐. อรรถกถาสังขารูปปัตติสูตร               
               สังขารูปปัตติสูตร มีคำเริ่มต้นว่า ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้.
               พึงทราบวินิจฉัยในสังขารูปปัตติสูตรนั้นดังต่อไปนี้.
               ความว่า ความเกิดขึ้นแห่งสังขารทั้งหลายเท่านั้น ชื่อว่า สงฺขารูปปตฺติ ไม่ใช่การอุปบัติของสัตว์ ของบุคคล. อีกอย่างหนึ่ง อุปปัตติภพ คือความอุบัติแห่งขันธ์ทั้งหลายด้วยปุญญาภิสังขาร ชื่อว่า สงฺขารูปปตฺติ.
               บทว่า สทฺธาย สมนฺนาคโต ความว่า ธรรม ๕ ประการมีศรัทธาเป็นต้น เป็นโลกิยะ.
               บทว่า ทหติ แปลว่า ตั้งไว้.
               บทว่า อธิฏฺฐาติ ได้แก่ ประดิษฐานไว้.
               บทว่า สงฺขารา จ วิหารา จ (แปลว่า ความปรารถนาและวิหารธรรม) ได้แก่ ธรรม ๕ ประการมีศรัทธาเป็นต้นนั่นแหละ พร้อมด้วยความปรารถนา.
               บทว่า ตตฺรูปปตฺติยา คือ เพื่อต้องการเกิดในที่นั้น.
               บทว่า มคฺโค ปฏิปทา ได้แก่ ธรรม ๕ ประการนั่นแหละพร้อมกับความปรารถนา.
               อธิบายว่า บุคคลใดมีธรรม ๕ ประการ แต่ไม่มีความปรารถนา คติของบุคคลนั้นไม่ต่อเนื่องกัน. บุคคลใดมีความปรารถนา แต่ไม่มีธรรม ๕ ประการ คติแม้ของบุคคลนั้นก็ไม่ต่อเนื่องกัน. บุคคลเหล่าใดมีธรรม ๕ ประการและความปรารถนาทั้งสองอย่าง คติของบุคคลเหล่านั้นต่อเนื่องกัน. อุปมาเหมือนบุคคลยิงลูกศรไปในห้วงอากาศ กำหนดไม่ได้ว่าจะเอาปลาย หรือตรงกลาง หรือเอาโคนลงฉันใด การถือปฏิสนธิของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นก็ฉันนั้น เอาแน่นอนไม่ได้ เพราะฉะนั้น กระทำกุศลกรรมแล้วทำความปรารถนาในที่แห่งหนึ่งย่อมควร.
               บทว่า อามณฺฑํ ได้แก่ ผลมะขามป้อม. ผลมะขามป้อมนั้นย่อมปรากฏโดยประการทั้งปวงทีเดียวแก่บุรุษผู้มีตาดีฉันใด พันแห่งโลกธาตุพร้อมทั้งสัตว์ผู้เกิดในนั้น ย่อมปรากฏแก่พรหมนั้นฉันนั้น.
               ในทุกบทก็มีนัยดังกล่าวนี้.
               บทว่า สุโภ แปลว่า งาม.
               บทว่า โชติมา คือ ถึงพร้อมด้วยอาการ.
               บทว่า สุปริกมฺมกโต ได้แก่ มีบริกรรมอันทำไว้ดีแล้วด้วยการเจียระไนเป็นต้น.
               บทว่า ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตโต ได้แก่ วางไว้บนผ้ากัมพลแดง.
               บทว่า สตสหสฺโส ได้แก่ พรหมผู้แผ่แสงสว่างไปในแสนโลกธาตุ.
               บทว่า นิกฺขํ ได้แก่ เครื่องประดับที่ทำด้วยทองนิกขะ ๕ สุวัณณะ ทองเนื้อห้า ชื่อว่านิกขะ ก็เครื่องประดับที่ทำด้วยทองหย่อนนิกขะจะไม่ทนต่อการตีและการขัดสี แต่ที่ทำด้วยทองเกินนิกขะจะทนต่อการตีและการขัดสี แต่มีสีไม่สวย ปรากฏเป็นธาตุหยาบ. ที่ทำด้วยทองนิกขะจะทนต่อการตีและการขัดสี.
               บทว่า ชมฺโพนทํ คือ เกิดในแม่น้ำชมพู.
               ก็กิ่งหนึ่งๆ ของต้นหว้าใหญ่ (มหาชมพู) แผ่กว้างไปกิ่งละ ๕๐ โยชน์. แม่น้ำสายใหญ่ๆ ไหลผ่านไปทางพื้นที่ทั้งหลายเหล่านั้น หน่อทองคำเกิดขึ้นในที่ที่ผลชมพูตกลง ณ สองฟากฝั่งของแม่น้ำเหล่านั้น ถูกน้ำในแม่น้ำนั้นพัดพาไหลเข้าไปสู่มหาสมุทรโดยลำดับ. ท่านหมายถึงทองที่เกิดดังกล่าวนั้น จึงกล่าวว่า ชมฺโพนทํ (ทองนิกขะที่เกิดในแม่น้ำชมพู) ดังนี้.
               บทว่า ทกฺขกมฺมารปุตฺตอุกฺกามุขสุกุสลสมฺปหฏฺฐํ ความว่า อันบุตรช่างทองผู้ฉลาด ผู้ขยัน หลอมในเบ้าให้ได้ที่แล้ว.
               บทว่า อุกฺกามุเข ได้แก่ ในเตา.
               บทว่า สมฺปหฏฺฐํ คือ ทั้งสุม (ไล่ขี้) ทั้งตีและขัด.
               ก็ในวัตถูปมสูตรและธาตุวิภังคสูตร ตรัสการทำทองทั้งก้อนให้บริสุทธิ์ แต่ในพระสูตรนี้ ตรัสการทำทองรูปพรรณให้บริสุทธิ์.
               ก็ในคำว่า ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา ซึ่งตรัสไว้ในทุกวาระนั้น การแผ่ไปมี ๕ อย่าง คือแผ่ไปด้วยจิต ๑ แผ่ไปด้วยกสิณ ๑ แผ่ไปด้วยทิพยจักษุ ๑ แผ่ไปด้วยแสงสว่าง ๑ แผ่ไปด้วยสรีระ ๑.
               ในการแผ่ ๕ อย่างนั้น การรู้จิตของสัตว์ทั้งหลายในพันโลกธาตุ ชื่อว่าแผ่ไปด้วยจิต. การแผ่กสิณไปในพันโลกธาตุ ชื่อว่าแผ่ไปด้วยกสิณ. การขยายแสงสว่างออกไปแล้วดูพันโลกธาตุ ชื่อว่าแผ่ไปด้วยทิพยจักษุ. แม้การแผ่ไปด้วยแสงสว่าง ก็คือการแผ่ไปด้วยทิพยจักษุนั่นแหละ. การแผ่รัศมีแห่งสรีระไปในพันโลกธาตุ ชื่อว่าการแผ่ไปด้วยสรีระ.
               ในที่ทุกแห่ง ควรกล่าวการแผ่ ๕ ประการนี้ ไม่ให้แตกแยกกัน.
               ส่วนพระติปิฎกจุลลาภยเถระกล่าวว่า ในการเปรียบด้วยแก้วมณี การแผ่ไปย่อมปรากฏเหมือนแผ่ด้วยกสิณ ในการเปรียบด้วยทองนิกขะ การแผ่ย่อมปรากฏเหมือนแผ่ไปด้วยรัศมีแห่งสรีระ. ดูเหมือนท่านจะปฏิเสธวาทะของท่านติปิฎกจุลลาภยเถระว่า ชื่อว่าอรรถกถา (การอธิบายความอย่างที่ท่านว่านั้น) ไม่มี แล้วกล่าวว่า การแผ่รัศมีแห่งสรีระไม่มีตลอดกาล ควรกล่าวโดยไม่ทำให้การแผ่ ๔ ประการเสียหาย.
               บทว่า อธิมุจฺจติ เป็นไวพจน์ (คำใช้แทนกันได้) ของบทว่า ผรณะ (คือการแผ่).
               อีกอย่างหนึ่ง บทว่า ผรติ ได้แก่ แผ่ไป.
               บทว่า อธิมุจฺจติ ได้แก่ รู้อยู่.
               ในบทว่า อาภา เป็นต้น เทวดาอีกเหล่าหนึ่งต่างหาก ชื่อว่าอาภาเป็นต้น ไม่มี (มีแต่) เทวดา ๓ เหล่า มีเหล่าปริตตาภาเป็นต้น ชื่อว่าอาภา. เทวดาเหล่าปริตตาสุภาเป็นต้น และเหล่าสุภกิณหาเป็นต้น ชื่อว่าสุภา. เทวดาเหล่าเวหัปผลาเป็นต้นปรากฏชัดแล้ว.
               บุคคลอบรมธรรม ๕ ประการเหล่านี้ จะเกิดในสวรรค์ชั้นกามาวจรได้ (ก็ไม่ว่ากระไร) ก่อน แต่ท่านจะบังเกิดในพรหมโลก และถึงความสิ้นอาสวะได้ อย่างไร?
               ธรรม ๕ ประการ (คือศรัทธา ศีล สุตะ จาคะและปัญญา) เหล่านี้เป็นศีล. บุคคลนั้นตั้งอยู่ในศีลนี้แล้วกระทำกสิณบริกรรม ทำสมาบัติทั้งหลายเหล่านั้นให้เกิดขึ้นในกาลนั้น ย่อมบังเกิดในพรหมโลกที่มีรูป. ทำอรูปฌานทั้งหลายให้เกิดขึ้นแล้ว ย่อมบังเกิดในพรหมโลกที่ไม่มีรูป. เจริญวิปัสสนาอันมีสมาบัติเป็นปทัฏฐานแล้วทำให้แจ้งอนาคามิผล ย่อมเกิดในชั้นสุทธาวาส ๕. เจริญมรรคให้สูงขึ้น ย่อมถึงความสิ้นอาสวะแล.

               จบอรรถกถาสังขารูปปัตติสูตรที่ ๑๐               
               -----------------------------------------------------               

               รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
                         ๑. อนุปทสูตร
                         ๒. ฉวิโสธนสูตร
                         ๓. สัปปุริสสูตร
                         ๔. เสวิตัพพาเสวิตัพพสูตร
                         ๕. พหุธาตุกสูตร
                         ๖. อิสิคิลิสูตร
                         ๗. มหาจัตตารีสกสูตร
                         ๘. อานาปานสติสูตร
                         ๙. กายคตาสติสูตร
                         ๑๐. สังขารูปปัตติสูตร
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ อนุปทวรรค สังขารูปปัตติสูตร จบ.
อ่านอรรถกถา 14 / 1อ่านอรรถกถา 14 / 292อรรถกถา เล่มที่ 14 ข้อ 318อ่านอรรถกถา 14 / 333อ่านอรรถกถา 14 / 853
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=14&A=4497&Z=4713
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=10&A=2682
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=10&A=2682
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๑๙  กันยายน  พ.ศ.  ๒๕๔๙
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :