บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า ราโค เป็นต้น ความว่า ท่านพระอานนท์เป็นผู้มีปัญญามาก อบรมตนดีแล้ว พระราชาและมหาอำมาตย์ของพระราชานิมนต์ท่านให้นั่ง ภายในนิเวศน์. พวกสตรีประดับด้วยเครื่องประดับทั้งปวง เข้าไปหาพระเถระ ไหว้แล้วพัดด้วยพัดใบตาล. เข้าไปนั่งถามปัญหา ฟังธรรม. ในที่นั้น เมื่อท่านพระวังคีสะบวชใหม่ ไม่อาจที่จะกำหนดอารมณ์ได้ ความกำหนัดในรูปารมณ์คือสตรีรบกวนจิต. เพราะบวชด้วยศรัทธา ท่านจึงเป็นคนตรง คิดว่า ความกำหนัดของเรานี้กำเริบมากขึ้น พึงทำประโยชน์ปัจจุบันและประโยชน์ภายหน้าให้เสียไป. นั่งอยู่ถัดกันนั่นแหละ เมื่อจะเปิดเผยตนแก่พระเถระ จึงได้กล่าวคำเป็นต้นว่า กามราเคน ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิพฺพาปนํ ได้แก่ เหตุดับราคะ. บทว่า วิปริเยสา ได้แก่ โดยคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง. บทว่า ราคูปสญฺหิตํ ได้แก่ อิฏฐารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งราคะ. บทว่า ปรโต ปสฺส ความว่า จงเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง. บทว่า มา จ อตฺตโต ความว่า จงอย่าเห็นโดยความเป็นอัตตา. บทว่า กายคตา ตฺยตฺถุ ความว่า ท่านจงมีสติไปในกาย. บทว่า อนิมิตฺตญฺจ ภาเวหิ ความว่า เพราะท่านเพิกนิจจนิมิตมีเที่ยงเป็นต้นเสียได้ วิปัสสนาจึงชื่อว่าหานิมิตมิได้. พระอานนทเถระกล่าวกะท่านพระวังคีสะนั้นว่า ภาเวหิ ท่านจงเจริญ ดังนี้. บทว่า มานาภิสมยา ได้แก่ เพราะรู้ด้วยการเห็นมานะอย่างหนึ่ง เพราะรู้ด้วยการละอย่างหนึ่ง. บทว่า อุปสนฺโต ได้แก่ ชื่อว่าเป็นผู้สงบ เพราะราคะเป็นต้นสงบ. จบอรรถกถาอานันทสูตรที่ ๔ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค วังคีสสังยุต อานันทสูตรที่ ๔ จบ. |