บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒] [๑๓] หน้าต่างที่ ๑๐ / ๑๓. ๑๐. ประวัติพระภัททกาปิลานีเถรี ด้วยบทว่า ปุพเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตีนํ ท่านแสดงว่า พระภัททกาปิลานีเถรีเป็นเลิศกว่าพวกภิกษุณีสาวิกาผู้มีปุพเพนิวาสญาณ ตามระลึกขันธสันดานที่เคยอาศัยอยู่ในกาลก่อนได้. ได้ยินว่า ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ นางบังเกิดในเรือนแห่งสกุล กรุงหังสวดี ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกภิกษุณีสาวิกาผู้มีบุพเพนิวาสญาณ จึงกระทำกุศลกรรมให้ยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้น. นางเวียนว่ายตายเกิดไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติขึ้น ถือเอาปฏิสนธิในเรือนสกุล กรุงพาราณสี กระทำการทะเลาะกับน้องสาวของตน เมื่อน้องสาวนั้นถวายบิณฑบาตแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็คิดว่า นางนี้ถวาย มหาชนต่างติเตียนกันว่า นางนี้เป็นพาล พูดกันว่า เธอทะเลาะกับหญิงผู้ใด ไม่กระทำอะไรแก่หญิงผู้นั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทำผิดอะไรต่อเธอหรือ. นางละอายด้วยคำพูดของคนเหล่านั้น จึงรับบาตรมาใหม่ เทเปือกตมออกล้าง เอาฝุ่นหอมขัดสี ใส่อาหารมีรสอร่อย ๔ อย่างจนเต็ม แล้ววางบาตรซึ่งสดใสด้วยเนยใสมีสีประดุจห้องดอกบัวหลวงซึ่งเทลาดหน้าไว้บนมือของพระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วตั้งความปรารถนาไว้ว่า บิณฑบาตนี้เกิดมีแสงสุกใสฉันใด ขอให้สรีระของดิฉันจงมีแสงสุกใสฉันนั้นเถิด. เรื่องนี้ทั้งหมดพึงทราบตามนัยที่กล่าวแล้วในเรื่องของพระมหากัสสปเถระ. ส่วนพระมหากัสสปเถระถือเอาทางขวา ไปยังโคนต้นไทรชื่อพหุปุตตะ อันเป็นสำนักของพระทศพล. นางภัททกาปิลานีถือเอาทางซ้าย ได้ไปยังอารามของพวกปริพาชก เพราะเหตุที่การบรรพชามาตุคาม พระผู้มีพระภาคเจ้ายังมิได้ทรงอนุญาต. ต่อเมื่อพระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงได้บรรพชาแล้ว นางจึงได้บรรพชาและอุปสมบทในสำนักของพระเถรี ในกาลต่อมากระทำวิปัสสนากรรมฐานได้บรรลุพระอรหัต จึงเป็นผู้มีความช่ำชองชำนาญในบุพเพนิวาสญาณ. ลำดับนั้น พระศาสดาประทับนั่งในพระเชตวัน เมื่อทรงสถาปนาภิกษุณีทั้งหลายไว้ในตำแหน่งต่างๆ จึงทรงสถาปนาพระเถรีนี้ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกภิกษุณีสาวิกาผู้มีบุพเพนิวาสญาณ ด้วยประการฉะนี้แล. จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๐ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอตทัคคบาลี วรรคที่ ๕ |