ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 

อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒]อ่านอรรถกถา 20 / 1อ่านอรรถกถา 20 / 148อรรถกถา เล่มที่ 20 ข้อ 149อ่านอรรถกถา 20 / 150อ่านอรรถกถา 20 / 596
อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอตทัคคบาลี
วรรคที่ ๔

หน้าต่างที่ ๘ / ๑๒.

               อรรถกถาสตรที่ ๘               
               ประวัติพระนันทเถระ               
               ในสูตรที่ ๘ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
               ด้วยบทว่า อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ ท่านแสดงว่า ท่านพระนันทเถระเป็นยอดของเหล่าภิกษุสาวกผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ ๖.
               ความจริง พระสาวกทั้งหลายของพระศาสดา ชื่อว่าไม่คุ้มครองทวารไม่มีก็จริง ถึงอย่างนั้น ท่านพระนันทเถระต้องการจะมองทิศใดๆ ในทิศทั้ง ๑๐ ก็มิใช่มองทิศนั้นๆ อย่างปราศจากสติสัมปชัญญะ เพราะเหตุนั้น ท่านจึงชื่อว่าเป็นยอดของเหล่าภิกษุสาวกผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย.
               ในปัญหากรรมของท่าน มีเรื่องที่กล่าวตามลำดับดังนี้
               พระเถระรูปนี้ ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ถือปฏิสนธิในครอบครัว กรุงหงสวดี เจริญวัยแล้ว กำลังฟังธรรมในสำนักพระศาสดา เห็นพระศาสดาสถาปนาภิกษุรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นยอดของเหล่าภิกษุสาวกผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย จึงกระทำกุศลให้ยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้น.
               ท่านทำกุศลจนตลอดชีวิต เวียนว่ายอยู่ในเทวดาและมนุษย์ ถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระมหาปชาบดีโคตมี กรุงกบิลพัศดุ์. ครั้งนั้น ในวันรับพระนามท่านทำหมู่พระประยูรญาติให้ร่าเริงยินดี เพราะเหตุนั้น เหล่าพระประยูรญาติจึงขนานพระนามของท่านว่า นันทกุมาร.
               แม้พระมหาสัตว์ทรงบรรลุพระสัพพัญญุตญาณแล้วประกาศพระธรรมจักรอันประเสริฐ ทรงอนุเคราะห์โลก เสด็จจากกรุงราชคฤห์ไปสู่กรุงกบิลพัสดุ์ ทรงทำพระพุทธบิดาให้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล โดยทรงเฝ้าครั้งแรกเท่านั้น.
               วันรุ่งขึ้น เสด็จไปพระราชนิเวศน์ของพระพุทธบิดา ประทานโอวาทแก่พระมารดาของพระราหุล ตรัสธรรมแก่ชนนอกนั้น วันรุ่งขึ้น เมื่องานอาวาหมงคลอัญเชิญนันทกุมารเข้าเรือนอภิเศก กำลังดำเนินไป พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปนิเวศน์ของนันทกุมารนั้น ทรงให้นันทกุมารถือบาตรเสด็จบ่ายพระพักตรไปพระวิหาร เพื่อให้เขาบรรพชา งานมงคลอภิเศกก็กีดกันนันทกุมารอย่างนั้นไม่ได้. เวลานันทกุมารถือบาตรตามเสด็จ. ชนบทกัลยาณีเจ้าสาวก็ขึ้นปราสาทชั้นบน เผยสีหบัญชร ร้องสั่งว่า พระลูกเจ้าโปรดกลับมาเร็วๆ นันทกุมารนั้น ได้ยินเสียงนาง ก็ได้แต่แลดูด้วยใจรัญจวน ไม่อาจทำนิมิตหมายตอบได้ตามชอบใจ เพราะเคารพในพระศาสดา.
               ด้วยเหตุนั้น นันทกุมารนั้นจึงร้อนใจ. ขณะนั้น นันทกุมารก็คิดอย่างเดียวว่า พระศาสดาจักให้กลับตรงนี้ พระศาสดาจักให้กลับตรงนี้ พระศาสดาก็ทรงนำไปพระวิหารให้บรรพชา. นันทกุมารแม้บรรพชาแล้ว ก็ขัดไม่ได้ ได้แต่นิ่งเสีย นับแต่วันบรรพชาแล้ว ก็ยังคงระลึกถึงคำพูดของนางชนบทกัลยาณีอยู่นั่นเอง ขณะนั้น เหมือนกับนางชนบทกัลยาณีนั้นมายืนอยู่ไม่ไกล. นันทกุมารนั้นถูกความกระสัน อยากลาสิกขา บีบคั้นหนักๆ เข้า ก็เดินไปหน่อยหนึ่ง เมื่อเดินผ่านพุ่มไม้หรือกอไม้ ก็เหมือนกับพระทศพลมาประทับยืนอยู่เบื้องหน้า ท่านเป็นเหมือนขนไก่ที่เอาใส่กองไฟ จึงกลับเข้าไปที่อยู่ของตน.
               พระศาสดาทรงพระดำริว่า นันทะอยู่อย่างประมาทเหลือเกิน ไม่อาจระงับความกระสันสึกได้ จึงควรทำการดับความร้อนจิตของเธอเสีย แต่นั้นก็ตรัสกะท่านนันทะว่า มานี่นันทะ เราจักไปจาริกเทวโลกด้วยกัน. พระนันทะทูลถามว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์จักไปสถานที่ที่เหล่าท่านผู้มีฤทธิ์ไปกันได้อย่างไร. ตรัสตอบว่า เธอจงทำจิตคิดจะไปอย่างเดียว ไปแล้วก็จักเห็น.
               ท่านพระนันทะนั้นตามเสด็จจาริกไปเทวโลกกับพระตถาคต โดยอานุภาพของพระทศพล แลดูเทวนิเวศน์ของท้าวสักกเทวราช ก็เห็นเทพอัปสร ๕๐๐ นาง. พระศาสดาทรงเห็นท่านพระนันทเถระแลดูโดยศุภนิมิต จึงตรัสถามว่า นันทะ เทพอัปสรเหล่านี้หรือนางชนบทกัลยาณีเป็นที่น่าพอใจ. ทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นางชนบทกัลยาณีเทียบเทพอัปสรเหล่านี้แล้ว จะปรากฏเหมือนกับนางวานรที่หูจมูกแหว่ง พระเจ้าข้า. ตรัสว่า นันทะ เทพอัปสรอย่างนี้ได้ไม่ยากเลยสำหรับผู้ทำสมณธรรม. ทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับประกันแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก็จักทำสมณธรรม. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า นันทะ เธอจงวางใจได้ เธอจงทำสมณธรรมไปเถิด ถ้าเธอจักทำกาละ (ตาย) อย่างสัตว์มีปฏิสนธิ เราก็รับประกันว่าจะได้นางเทพอัปสรเหล่านั้น.
               ดังนั้น พระศาสดาเสด็จจาริกไปเทวโลกตามพุทธอัธยาศัยแล้ว จึงเสด็จกลับมาพระเชตวันอย่างเดิม. ตั้งแต่นั้นมา ท่านพระนันทเถระก็กระทำสมณธรรมทั้งกลางคืนทั้งกลางวัน เพราะเหตุอยากได้นางเทพอัปสร.
               พระศาสดาทรงสั่งภิกษุทั้งหลายว่า ในสถานที่อยู่ของนันทะ พวกเธอจงเที่ยวพูดในที่นั้นๆ ว่า เขาว่าภิกษุรูปหนึ่งให้พระทศพลรับประกันแล้วจึงทำสมณธรรม เพราะเหตุอยากได้นางเทพอัปสรทั้งหลาย. ภิกษุเหล่านั้นรับพระพุทธดำรัสแล้ว ก็เที่ยวพูดว่า เขาว่าท่านนันทะเป็นลูกจ้าง เขาว่าท่านนันทะถูกซื้อมา ประพฤติพรหมจรรย์ เพราะเหตุอยากได้นางเทพอัปสรทั้งหลาย เขาว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับประกันท่านนันทะนั้น ที่จะได้นางเทพอัปสร ๕๐๐ นาง ซึ่งมีเท้าเหมือนไก่.๑-
____________________________
๑- ปาฐะว่า กุกฺกุฏปาทานํ พม่าเป็น กกุฎปาทีนํ แปลว่า มีเท้าเหมือนนกพิราบ ซึ่งในที่อื่นมีใช้ว่า กาโปตก ซึ่งแปลว่านกพิราบ เหมือนกัน.

               ภิกษุเหล่านั้นยืนในที่ใกล้ๆ นันทะ พอจะเห็นพอจะได้ยิน เที่ยวพูดไป ท่านพระนันทเถระได้ยินเรื่องนั้น คิดว่า ภิกษุพวกนี้ไม่พูดถึงผู้อื่น พูดปรารภถึงเรา การกระทำของเราไม่ถูกแน่แล้ว ก็คิดทบทวนแล้วเจริญวิปัสสนา ก็บรรลุพระอรหัต. ขณะที่ท่านบรรลุพระอรหัตนั่นแล เทวดาองค์หนึ่งก็ทูลเรื่องนั้นแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า. แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ทรงทราบด้วยพระองค์เอง.
               วันรุ่งขึ้น ท่านพระนันทเถระเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับประกันข้าพระองค์ เพื่อจะได้นางเทพอัปสร ๕๐๐ นางซึ่งมีเท้าเหมือนไก่อันใด ข้าพระองค์ขอเปลื้องพระผู้มีพระภาคเจ้าจากปฏิสสวะการรับคำนั้น พระเจ้าข้า.
               เรื่องเกิดขึ้นอย่างว่ามานี้.
               ต่อมาภายหลัง พระศาสดาประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงสถาปนาพระเถระไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นยอดของเหล่าภิกษุสาวกผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลายแล.

               จบอรรถกถาสูตรที่ ๘               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอตทัคคบาลี วรรคที่ ๔
อ่านอรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒]
อ่านอรรถกถา 20 / 1อ่านอรรถกถา 20 / 148อรรถกถา เล่มที่ 20 ข้อ 149อ่านอรรถกถา 20 / 150อ่านอรรถกถา 20 / 596
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=20&A=675&Z=693
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=14&A=6083
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=14&A=6083
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๑  มกราคม  พ.ศ.  ๒๕๕๐
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :