ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 21 / 1อ่านอรรถกถา 21 / 9อรรถกถา เล่มที่ 21 ข้อ 10อ่านอรรถกถา 21 / 11อ่านอรรถกถา 21 / 274
อรรถกถา อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ปฐมปัณณาสก์ ภัณฑคามวรรคที่ ๑
๑๐. โยคสูตร

               อรรถกถาโยคสูตรที่ ๑๐               
               พึงทราบวินิจฉัยในโยคสูตรที่ ๑๐ ดังต่อไปนี้ :-
               กิเลส ชื่อว่าโยคะ เพราะผูกสัตว์ไว้ในวัฏฏะ.
               ในบทว่า กามโยโค เป็นอาทิ ความกำหนัดประกอบด้วยกามคุณ ๕ ชื่อว่ากามโยคะ. ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจในรูปภพและอรูปภพ ชื่อว่าภวโยคะ. ความติดใจในฌานก็อย่างนั้น. ราคะประกอบด้วยสัสสตทิฏฐิ และทิฏฐิ ๖๒ ชื่อว่าทิฏฐิโยคะ. ความไม่รู้ในสัจจะ ๔ ชื่อว่า อวิชชาโยคะ.
               อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่ากามโยคะ เพราะประกอบสัตว์ไว้ในกาม. ชื่อว่าภวโยคะ เพราะประกอบสัตว์ไว้ในภพ. ชื่อว่าทิฏฐิโยคะ เพราะประกอบสัตว์ไว้ในทิฏฐิ. ชื่อว่าอวิชชาโยคะ เพราะประกอบสัตว์ไว้ในอวิชชา.
               คำดังกล่าวมานี้ เป็นชื่อของธรรมที่กล่าวไว้แล้วในหนหลัง.
               บัดนี้ เมื่อทรงแสดงขยายธรรมเหล่านั้นให้พิสดาร จึงตรัสว่า กตโม จ ภิกฺขเว เป็นอาทิ.
               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สมุทยํ คือ ความเกิด.
               บทว่า อตฺถงฺคมํ คือ ความดับ. บทว่า อสฺสาทํ คือ ความชุ่มชื่น.
               บทว่า อาทีนวํ คือ โทษที่มิใช่ความชุ่มชื่น. บทว่า นิสฺสรณํ คือ ความออกไป.
               บทว่า กาเมสุ คือ ในวัตถุกาม. บทว่า กามราโค คือ ราคะเกิดเพราะปรารภกาม.
               แม้ในบทที่เหลือก็มีนัยนี้แล.
               บทว่า อนุเสติ คือ บังเกิด.
               พึงทราบเนื้อความในบททุกบทอย่างนี้ว่า บทว่า อยํ วุจฺจติ ภิกฺขเว กามโยโค ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าเหตุแห่งการประกอบเครื่องผูกสัตว์ไว้ในกาม.
               บทว่า ผสฺสายตนานํ ได้แก่ เหตุมีจักขุสัมผัสเป็นต้น สำหรับอายตนะทั้งหลายมีจักษุเป็นต้น.
               บทว่า อวิชฺชา อญฺญาณํ ความว่า อวิชชาคือความไม่รู้ เพราะเป็นปฏิปักษ์ต่อความรู้.
               อิติศัพท์ ในบทนี้ว่า อิติกามโยโค พึงประกอบกับโยคะแม้ทั้ง ๔ ว่ากามโยคะดังนี้ ภวโยคะดังนี้เป็นต้น.
               บทว่า สมฺปยุตฺโต ได้แก่ ผู้ห้อมล้อมแล้ว.
               บทว่า ปาปเกหิ ได้แก่ ที่ลามก.
               บทว่า อกุสเลหิ ได้แก่ เกิดแต่ความไม่ฉลาด.
               บทว่า สงฺกิเลสิเกหิ คือ มีความเศร้าหมอง. อธิบายว่า ประทุษร้ายความผ่องใสแห่งจิตที่ผ่องใสแล้ว.
               บทว่า โปโนพฺภวิเกหิ ได้แก่ เป็นเหตุให้เกิดในภพใหม่.
               บทว่า สทเรหิ ได้แก่ มีความเร่าร้อน.
               บทว่า ทุกฺขวิปาเกหิ ได้แก่ ให้ทุกข์เกิดขึ้นในเวลาให้ผล.
               บทว่า อายตึชาติชรามณณิเกหิ ได้แก่ ให้เกิดชาติ ชรา มรณะในอนาคตบ่อยๆ.
               บทว่า ตสฺมา อโยคกฺเขมีติ วุจฺจติ ความว่า ก็เพราะเหตุที่บุคคลผู้ละโยคะยังไม่ได้ ย่อมเป็นผู้ประกอบด้วยธรรมเหล่านั้น ฉะนั้น เราจึงเรียกว่า อโยคักเขมี ไม่เกษมจากโยคะ เพราะเขายังไม่บรรลุพระนิพพานอันเกษมจากโยคะ ๔ เหล่านั้น.
               บทว่า วิสํโยคา คือ เหตุแห่งความคลายโยคะกิเลสเครื่องผูก.
               บทว่า กามโยควิสํโยโค คือ เหตุแห่งความคลายกามโยคะ.
               แม้ในบทที่เหลือก็มีนัยนี้แล.
               บรรดาบทเหล่านั้น การเพ่งอสุภกัมมัฏฐานเป็นการคลายกามโยคะ อนาคามิมรรคทำอสุภฌานนั้นให้เป็นบาทแล้วบรรลุ ชื่อว่าคลายกามโยคะ โดยส่วนเดียวแท้. อรหัตมรรคชื่อว่าคลายภวโยคะ โสดาปัตติมรรคชื่อว่าคลายทิฏฐิโยคะ อรหัตมรรคชื่อว่าคลายอวิชชาโยคะ.
               บัดนี้เมื่อทรงแสดงขยายวิสังโยคธรรมเหล่านั้นให้พิสดาร จึงตรัสว่า กตโม จ ภิกฺขเว เป็นอาทิ. ความแห่งพระดำรัสนั้น พึงทราบโดยนัยดังกล่าวแล้ว.
               บทว่า ภวโยเคน จูภยํ ความว่า ผูกไว้ด้วยภวโยคะ และผูกไว้ด้วยภวโยคะทิฏฐิโยคะแม้ทั้งสองยิ่งขึ้นอีก คือประกอบด้วยโยคะอย่างใดอย่างหนึ่ง.
               บทว่า ปุรกฺขตา ได้แก่ ถูกนำไว้ข้างหน้า หรือถูกแวดล้อม.
               บทว่า กาเม ปริญฺญาย ได้แก่ กำหนดรู้กามแม้ทั้งสองอย่าง.
               บทว่า ภวโยคญฺจ สพฺพโส ได้แก่ กำหนดรู้ภวโยคะทั้งหมดนั่นแล.
               บทว่า สมูหจฺจ ได้แก่ ถอนหมดแล้ว.
               บทว่า วิราชยํ ได้แก่ กำลังคลายหรือคลายแล้ว.
               ก็เมื่อกล่าวว่า วิราเชนฺโต ก็เป็นอันกล่าวถึงมรรค เมื่อกล่าวว่า วิราเชตฺวา ก็เป็นอันกล่าวถึงผล.
               บทว่า มุนิ ได้แก่ พระมุนีคือพระขีณาสพ. ดังนั้น ในสูตรนี้ก็ดี ในคาถาก็ดี จึงตรัสทั้งวัฏฏะทั้งวิวัฏฏะ (โลกิยะและโลกุตระ) แล.

               จบอรรถกถาโยคสูตรที่ ๑๐               
               จบภัณฑคามวรรควรรณนาที่ ๑               
               -----------------------------------------------------               

               รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
                         ๑. อนุพุทธสูตร
                         ๒. ปปติตสูตร
                         ๓. ขตสูตรที่ ๑
                         ๔. ขตสูตรที่ ๒
                         ๕. อนุโสตสูตร
                         ๖. อัปปสุตสูตร
                         ๗. สังฆโสภณสูตร
                         ๘. เวสารัชชสูตร
                         ๙. ตัณหาสูตร
                         ๑๐. โยคสูตร
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ปฐมปัณณาสก์ ภัณฑคามวรรคที่ ๑ ๑๐. โยคสูตร จบ.
อ่านอรรถกถา 21 / 1อ่านอรรถกถา 21 / 9อรรถกถา เล่มที่ 21 ข้อ 10อ่านอรรถกถา 21 / 11อ่านอรรถกถา 21 / 274
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=21&A=221&Z=305
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=15&A=6658
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=15&A=6658
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๓  มกราคม  พ.ศ.  ๒๕๕๐
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :