บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า น กมฺมารามา ความว่า ภิกษุเหล่าใดกระทำกิจกรรมมีจีวร, ประคดเอว, ผ้ากรองน้ำ, ธัมกรก, ไม้กวาด, ที่รองเท้าเป็นต้นเท่านั้นประจำวัน ภิกษุเหล่านั้นก็ห้ามเสียได้ด้วยศรัทธา ส่วนภิกษุใด ในเวลากระทำกิจกรรมเหล่านั้น กระทำกิจกรรมเหล่านี้ ในเวลาอุเทศก็เรียนอุเทศ เวลากระทำวัตรที่ลานเจดีย์ก็กระทำวัตรที่ลานเจดีย์ เวลาทำมนสิการก็ทำมนสิการ ภิกษุนั้น ชื่อว่าผู้ไม่ยินดีในการงาน. ภิกษุใดกระทำการพูดคุยกันถึงผิวพรรณของหญิงและชายเป็นต้นเท่านั้น ให้ล่วงวันล่วงคืนไป ไม่จบการคุยกันเห็นปานนั้น ภิกษุนี้ ชื่อว่ายินดีในการคุย. อนึ่ง ภิกษุใดย่อมกล่าวสนทนาธรรม ตอบปัญหาทั้งกลางคืนกลางวัน ภิกษุนี้ถึงจะเป็นผู้คุยน้อย ก็ยังพูดจบคุยจบเหมือนกัน เพราะเหตุไร? เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอประชุมกันแล้ว ก็มีกิจที่ควรกระทำ ๒ อย่าง คือ ธรรมีกถา กล่าวธรรม หรือดุษณีภาพนิ่งอย่างอริยะ". ภิกษุใดยืนก็ตาม เดินก็ตาม นั่งก็ตาม ถูกถีนมิทธะครอบงำก็หลับไป ภิกษุนี้ชื่อว่ามักหลับ. ส่วนภิกษุใดมีจิตหยั่งลงสู่ภวังค์ เพราะความป่วยไข้ของกรัชกาย ภิกษุนี้ ไม่ชื่อว่าไม่มักหลับ. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ดูก่อนอัคคิเวสสนะ เราย่อมรู้ยิ่ง ในเดือนท้ายแห่งฤดูร้อน เรากลับจากบิณฑบาต ภายหลังภัตร ปูลาดสังฆาฏิ ๔ ชั้น นอนตะแคงข้างขวา มีสติสัมปชัญญะหลับลง. ภิกษุใดคลุกคลีอยู่อย่างนี้ เป็นคนที่ ๒ สำหรับภิกษุรูปหนึ่งเป็นคนที่ ๓ สำหรับภิกษุ ๒ รูป เป็นคนที่ ๔ สำหรับภิกษุ ๓ รูป อยู่คนเดียวก็ไม่ได้อัสสาท ความยินดี ภิกษุนี้ ชื่อว่าชอบคลุกคลี. ส่วนภิกษุใดอยู่ผู้เดียวเท่านั้นในอิริยาบถ ๔ ย่อมได้อัสสาทะ ภิกษุนี้ ชื่อว่าไม่ชอบคลุกคลี. ภิกษุผู้ประกอบด้วยความปรารถนาความสรรเสริญคุณที่ไม่มีในตน เป็นผู้ทุศีล ชื่อว่ามีความปรารนาลามก. ภิกษุเหล่าใดมีมิตรชั่ว มีสหายชั่ว มีเพื่อนชั่ว เพราะบริโภคร่วมกันในอิริยาบถทั้ง ๔ และภิกษุเหล่าใดเป็นเพื่อนในภิกษุชั่วทั้งหลาย เพราะน้อมไป โอนไป เงื้อมไปในปาปมิตรนั้น. ภิกษุเหล่านั้น ชื่อว่ามีมิตรชั่ว สหายชั่ว เพื่อนชั่ว. บทว่า โอรมตฺตเกน ได้แก่ มีประมาณนิดหน่อย คือมีประมาณน้อย. บทว่า อนฺตรา ได้แก่ ในระหว่างนี้ เพราะยังไม่บรรลุพระอรหัต. บทว่า โวสานํ ได้แก่ ความจบสิ้น ความท้อถอยว่า เท่านี้ก็พอ. ท่านกล่าวอธิบายไว้ดังนี้ว่า ภิกษุจักไม่ถึงที่สุดด้วยคุณมีศีลปาริสุทธิ์, ฌานและความเป็นพระโสดาบันเป็นต้นอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงใด ภิกษุทั้งหลายพึงหวังแต่ความเจริญอย่างเดียว ไม่เสื่อมเลยเพียงนั้น. จบอรรถกถากรรมสูตรที่ ๔ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต ปฐมปัณณาสก์ วัชชีวรรคที่ ๓ ๔. กรรมสูตร จบ. |