บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า ทุรภิสมฺภวานิ หิ ได้แก่ มีได้ยาก หาได้ยาก. ท่านอธิบายว่า ผู้มีศักดิ์น้อยไม่อาจที่จะยึดไว้ได้. บทว่า อรญฺญวนปตฺถานิ ความว่า ป่าใหญ่และป่าทึบ ชื่อว่าอรัญญะ เพราะสำเร็จองค์ของความเป็นป่า. ชื่อว่าวนปัตถะ เพราะละเลยแวกบ้าน เป็นสถานที่หมู่คนไม่เข้าไปใกล้. บทว่า ปนฺตานิ ได้แก่ ไกลเหลือเกิน. บทว่า ทุกฺกรํ ปวิเวกํ ได้แก่ กายวิเวกที่ทำยาก. บทว่า ทุรภิรมํ ได้แก่ ไม่ใช่ยินดีได้ง่ายๆ. บทว่า เอกตฺเต แปลว่า ในความเป็นผู้อยู่ผู้เดียว. ทรงแสดงอะไร. ทรงแสดงว่า แม้เมื่อกระทำกายวิเวกได้แล้ว ก็ยากที่จะให้จิตยินดีในเสนาสนะนั้น. จริงอยู่ โลกนี้มีของเป็นคู่ๆ กันเป็นที่ยินดี. บทว่า หรนฺติ มญฺเญ ได้แก่ เหมือนนำไป เหมือนสีไป. บทว่า มโน ได้แก่ จิต. บทว่า สมาธึ อลภมานสฺส ได้แก่ ผู้ไม่ได้อุปจารสมาธิหรืออัปปนาสมาธิ. ทรงแสดงอะไร. ทรงแสดงว่า วนะทั้งหลาย เหมือนจะกระทำจิตของภิกษุเช่นนี้ให้ฟุ้งซ่านด้วยเสียงใบหญ้าและเนื้อเป็นต้น และสิ่งที่น่ากลัวมีอย่างต่างๆ. บทว่า สํสีทิสฺสติ ได้แก่ จักจมลงด้วยกามวิตก. บทว่า อุปฺปิลวิสฺสติ ได้แก่ จักลอยขึ้นเบื้องบนด้วยพยาบาทวิตกและวิหิงสาวิตก. บทว่า กณฺณสนฺโธวิกํ ได้แก่ เล่นล้างหู. บทว่า ปิฏฺฐิสนฺโธวิกํ ได้แก่ เล่นล้างหลัง. ทั้งสองอย่างนั้น การจับงวงและรดน้ำที่หูสองข้าง ชื่อว่ากัณณสันโธวิกะ. รดน้ำที่หลัง ชื่อว่าปิฏฐิสันโธวิกะ. บทว่า คาธํ วินฺทติ ได้แก่ ได้ที่พึ่ง. บทว่า โก จาหํ โก จ หตฺถินาโค ความว่า เราเป็นอะไร พระยาช้างเป็นอะไร ด้วยว่าทั้งเราทั้งพระยาช้างนี้ก็เป็นสัตว์ดิรัจฉาน ทั้งพระยาช้างนี้ก็ ๔ เท้า ทั้งเราก็ ๔ เท้า แม้เราทั้งสองก็เสมอๆ กันมิใช่หรือ. บทว่า วงฺกํ ได้แก่ ไถน้อยๆ สำหรับเด็กเล่น. บทว่า ฆฏิกํ ได้แก่ เครื่องเล่นเวียนไปรอบๆ. ท่านอธิบายว่า เครื่องเล่นที่จับหางไว้บนอากาศวางหัวลงดิน หมุนเวียนไปทั้งข้างล่างข้างบน (กังหันไม้). บทว่า จิงฺคุลิกํ ได้แก่ เครื่องเล่นมีล้อที่ทำด้วยใบตาลเป็นต้น หมุนไปได้เพราะลมดี (กังหันใบไม้). ทะนานใบไม้เรียกว่า ปัตตาฬหกะ พวกเด็กๆ เอาใบไม้ต่างทะนานนั้นตวงทรายเล่น. บทว่า รถกํ ได้แก่ รถน้อยๆ. บทว่า ธนุกํ ได้แก่ ธนูน้อยๆ. คำว่า โว ในคำว่า อิธ โข ปน โว เป็นเพียงนิบาต. อธิบายว่า ในโลกนี้แล. บทว่า อิงฺฆ ในคำว่า อิงฺฆ ตฺวํ อุปาลิ สงฺเฆ วิหราหิ นี้เป็นนิบาตลงในอรรถว่าเตือน ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงเตือนพระเถระ เพื่อประโยชน์แก่การอยู่ท่ามกลางสงฆ์ มิใช่ทรงอนุญาตการอยู่ป่าแก่พระเถระนั้น. เพราะเหตุไร. เพราะพระศาสดาทรงพระดำริว่า ได้ยินว่า พระเถระอยู่ในเสนาสนะป่าจักบำเพ็ญได้ แต่วาสธุระอย่างเดียว (วิปัสสนาธุระ) บำเพ็ญคันถธุระไม่ได้ แต่พระเถระเมื่ออยู่ท่ามกลางสงฆ์บำเพ็ญธุระแม้ทั้งสองนี้ได้ แล้วจักบรรลุพระอรหัต ทั้งจักเป็นหัวหน้าในฝ่ายวินัยปิฎก ดังนั้นจำเราจักกล่าวความปรารถนาแต่ก่อนและบุญเก่าของเธอ จักสถาปนาภิกษุนี้ไว้ในตำแหน่งเป็นเลิศของเหล่าภิกษุผู้ทรงวินัยในท่ามกลางบริษัท เมื่อทรงเห็นความข้อนี้ จึงไม่ทรงอนุญาตการอยู่ป่าแก่พระเถระ. จบอรรถกถาอุปาลิสูตรที่ ๙ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต ทุติยปัณณาสก์ อุบาสกวรรคที่ ๕ ๙. อุปาลีสูตร จบ. |