ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 108อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 109อ่านอรรถกถา 25 / 110อ่านอรรถกถา 25 / 440
อรรถกถา ขุททกนิกาย อุทาน เมฆิยวรรคที่ ๔ สาริปุตตสูตร

               อรรถกถาสารีปุตตสูตร               
               สารีปุตตสูตรที่ ๑๐ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
               บทว่า อตฺตโน อุปสมํ ความว่า ความสงบกิเลสของตนได้เด็ดขาดด้วยอรหัตมรรค อันเป็นเหตุแห่งการบรรลุที่สุดสาวกบารมีญาณ.
               ก็ท่านพระสารีบุตรเห็นประจักษ์ความเดือดร้อน ความกระวนกระวาย ความเร่าร้อน และความทุกข์ อันเกิดแต่กิเลสมีราคะเป็นต้น และทุกข์มีชาติ ชรา พยาธิ มรณะ โสกะและปริเทวะเป็นต้น มีอภิสังขารคือกิเลสเป็นเหตุ ของเหล่าสัตว์ผู้ยังไม่สงบกิเลสแล้ว พิจารณาทุกข์มีวัฏฏะเป็นมูลของสัตว์เหล่านั้นทั้งในอดีตและอนาคต แผ่กรุณาหวนระลึกถึงทุกข์มีประมาณไม่น้อย แม้ที่ตนเคยเสวยในคราวเป็นปุถุชน หรือที่มีกิเลสเป็นเหตุ จึงพิจารณาเนืองๆ ถึงความสงบกิเลสของตนว่า กิเลสอันเป็นเหตุแห่งทุกข์มากมายชื่อเช่นนี้ บัดนี้ เราละได้เด็ดขาดแล้ว.
               อนึ่ง เมื่อจะพิจารณา ย่อมพิจารณาถึงความสงบกิเลสโดยถ่องแท้ด้วยมรรคญาณนั้นๆ ว่า กิเลสมีประมาณเท่านี้ สงบแล้วด้วยโสดาปัตติมรรค ประมาณเท่านี้ สงบแล้วด้วยสกทาคามิมรรค ประมาณเท่านี้ สงบแล้วด้วยอนาคามิมรรค ประมาณเท่านี้ สงบแล้วด้วยอรหัตมรรค. ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า อตฺตโน อุปสมํ ปจฺจเวกฺขมาโน ดังนี้เป็นต้น.
               อาจารย์อีกพวกหนึ่งกล่าวว่า พระเถระเข้าอรหัตผลสมาบัติ พิจารณาสมาบัตินั้นแล้ว พิจารณาความสงบเนืองๆ อย่างนี้ว่า ภาวะที่อุปสมะนี้ มีความสงบและประณีต เพราะเป็นอารมณ์แห่งอสังขตธาตุ อันมีความสงบโดยสิ้นเชิง และเพราะสงบกิเลสโดยชอบด้วยตนเอง.
               ส่วนอาจารย์พวกอื่นกล่าวว่า ก็ในที่นี้ อรหัตผลอันเกิดในที่สุดแห่งความสงบกิเลสได้เด็ดขาด ชื่อว่าอุปสมะ
               ท่านนั่งพิจารณาอุปสมะนั้นอยู่.
               บทว่า เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ความว่า ทรงทราบโดยอาการทั้งปวง ถึงอรรถคือการพิจารณา การละกิเลสอันเป็นเหตุให้ท่านพระสารีบุตรมีปัญญามากเป็นต้น ไม่ทั่วไปแก่สาวกอื่น ในบรรดาสาวกทั้งหลาย หรือพระอรหัตผล ซึ่งกล่าวโดยปริยายแห่งอุปสมะ จึงทรงเปล่งอุทานนี้ อันแสดงอานุภาพของอุปสมะนั้น.
               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุปสนฺตสนฺตจิตฺตสฺส ความว่า ชื่อว่าผู้มีจิตสงบระงับ เพราะท่านเป็นผู้มีจิตสงบระงับนั่นเอง. จริงอยู่ จิตชื่อว่าเข้าไปสงบ เพราะกิเลสเข้าไปสงบ โดยข่มไว้ได้ด้วยสมาบัติ ท่านจึงไม่กล่าวว่า อุปสนฺตสนฺตํ ความสงบระงับโดยประการทั้งปวง เพราะอุปสมะนั้นยังไม่สงบสิ้นเชิง เพราะไม่เหมือนสงบด้วยอรหัตมรรค. ส่วนจิตของท่านผู้ชื่อว่าพระอรหันต์ เพราะท่านตัดกิเลสได้เด็ดขาดทีเดียว เป็นกิเลสที่สงบด้วยมรรคเบื้องต่ำอันสัมปยุตด้วยสมถะและวิปัสสนา โดยเป็นภาวะที่ไม่จำต้องสงบกิเลสอีก ท่านจึงเรียกว่าสงบระงับ เพราะสงบได้อย่างสิ้นเชิง.
               ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ชื่อว่าผู้มีจิตสงบระงับ เพราะท่านมีจิตสงบระงับนั่นเอง. อีกอย่างหนึ่ง อุปสมะ ท่านเรียกว่าอุปสันตะ. เพราะฉะนั้น บทว่า อุปสนฺตสนฺตจิตฺตสฺส จึงหมายความว่า ผู้มีจิตสงบโดยเข้าไปสงบอย่างสิ้นเชิง.
               อีกอย่างหนึ่ง พระศาสดา เมื่อจะทรงแสดงว่า เมื่อพระขีณาสพทั้งหมดสงบกิเลสได้เด็ดขาด แต่ความสงบกิเลสของพระธรรมเสนาบดียังมีพิเศษ อันเป็นเหตุถึงที่สุดแห่งสาวกบารมีญาณ ไม่ทั่วไปแก่สาวกอื่น ในบรรดาสาวกทั้งหลาย จึงตรัสให้พิเศษด้วย อุปสนฺต ศัพท์ว่า อุปสนฺตสนฺตจิตฺตสฺส ผู้มีจิตสงบระงับ.
               ในข้อนั้น มีอธิบายดังต่อไปนี้ :-
               จิตสงบอย่างยิ่งคือมั่นคง ชื่อว่า อุปสนฺต จิตที่สงบระงับด้วยอุปสันตจิตนั้นแหละ ชื่อว่าอุปสันตสันตจิต. จิตของท่านเป็นเช่นนั้น คำทั้งหมดเหมือนกับคำที่มีในก่อนนั้นแล.
               จริงอย่างนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสสรรเสริญชมเชยท่านพระสารีบุตรนั้น โดยอเนกปริยาย โดยนัยมีอาทิว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรมีปัญญามาก มีปัญญาแน่นหนา มีปัญญาร่าเริงใจ มีปัญญาเร็ว มีปัญญาเฉียบแหลม มีปัญญาเป็นเหตุตรัสรู้.
               บทว่า เนตฺติจฺฉินฺนสฺส ความว่า ภวตัณหา ท่านเรียกว่าเนตติ เพราะนำสังสารวัฏไป. ชื่อว่าผู้มีเนตติจฉินนะ เพราะท่านตัดเนตติได้ขาดแล้ว. ของท่านผู้มีเนตติขาดแล้วนั้น อธิบายว่า ผู้ละตัณหาได้แล้ว.
               บทว่า มุตฺโต โส มารพนฺธนา ความว่า ผู้นั้น คือผู้เป็นอย่างนั้น ได้แก่ผู้มีกิเลสเครื่องพยุงสัตว์ไว้ในภพหมดสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้ว จากเครื่องผูกแห่งมารทั้งปวง ท่านไม่มีกิจที่จะต้องทำ เพราะท่านพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร เพราะฉะนั้น พระธรรมเสนาบดีจึงพิจารณาความสงบของตน.
               คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล.

               จบอรรถกถาสารีปุตตสูตรที่ ๑๐               
               จบเมฆิยวรรควรรณนาที่ ๔               
               -------------------------------               

               รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
                         ๑. เมฆิยสูตร
                         ๒. อุทธตสูตร
                         ๓. โคปาลสูตร
                         ๔. ชุณหสูตร
                         ๕. นาคสูตร
                         ๖. ปิณโฑลภารทวาชสูตร
                         ๗. สาริปุตตสูตร
                         ๘. สุนทรีสูตร
                         ๙. อุปเสนวังคันตปุตตสูตร
                         ๑๐. สาริปุตตสูตร
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย อุทาน เมฆิยวรรคที่ ๔ สาริปุตตสูตร จบ.
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 108อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 109อ่านอรรถกถา 25 / 110อ่านอรรถกถา 25 / 440
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=2837&Z=2855
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=26&A=6474
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=26&A=6474
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๑๘  มกราคม  พ.ศ.  ๒๕๔๙
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :