บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า พาหิรํ ได้แก่ เหตุที่มี ณ ภายนอก จากสันดานในภายใน. บทว่า กลฺยาณมิตฺตตา ได้แก่ บุคคลผู้ที่สมบูรณ์ด้วยคุณมีศีลเป็นต้น เป็นผู้กำจัดความชั่วร้าย เป็นผู้ส่งเสริมประโยชน์ เป็นมิตรมีอุปการะทุกสิ่งทุกอย่าง ชื่อว่าเป็นกัลยาณมิตร ความเป็นกัลยาณมิตรนั้นชื่อว่า กลฺยาณมิตฺตตา. ในบทว่า กลฺยาณมิตฺตตา นั้นมีอธิบายดังนี้ ตามปกติ กัลยาณมิตรนี้เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ วิริยะ สติ สมาธิและปัญญา กัลยาณมิตรเพราะถึงพร้อมด้วยศรัทธา ย่อมเชื่อการตรัสรู้ของพระตถาคต ย่อมไม่สละการแสวงหาประโยชน์สุขในสัตว์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น เพราะเหตุการตรัสรู้ชอบนั้น เพราะถึงพร้อมด้วยศีล จึงย่อมเป็นที่รัก และเป็นที่เคารพของเพื่อน เพราะถึงพร้อมด้วยสุตะ จึงเป็นผู้กล่าวถ้อยคำที่ลึกซึ้งมีขันธ์ อายตนะ สัจจะ ปฏิจจสมุป กัลยาณมิตรนั้นแสวงหาคติธรรมทั้งที่เป็นกุศล และอกุศลด้วยสติ รู้ประโยชน์สุขของสัตว์ทั้งหลายตามความเป็นจริงด้วยปัญญา เป็นผู้มีจิตไม่ฟุ้งซ่านในอารมณ์นั้นด้วยสมาธิ ปรามสัตว์ทั้งหลายจากสิ่งไม่เป็นประโยชน์ด้วยความเพียร ย่อมชักชวนในสิ่งที่มีประโยชน์อย่างเดียว ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
____________________________ ๑- องฺ. สตฺตก. เล่ม ๒๓/ข้อ ๓๔ สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนเมฆิยะ ข้อที่ภิกษุผู้เป็นกัลยาณมิตร หวังดีต่อสหายดี เพื่อนดี จักเป็นผู้มีศีล จักเป็นผู้สำรวมในปาฏิโมกข์ จักเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร จักเป็นผู้เห็นภัยในโทษเพียงเล็กน้อย จักสมาทานศึกษาในสิกขาบททั้งหลาย ข้อที่ภิกษุผู้เป็นกัลยาณมิตร ฯลฯ เพื่อนดี เป็นผู้มีถ้อยคำขัดเกลากิเลส ถ้อยคำเปิดใจอย่างสบาย จักเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่ายโดยส่วนเดียว ฯลฯ เพื่อนิพพาน คือ ๑. อปฺปิจฺฉกถา ถ้อยคำที่ชักนำให้มีความปรารถนาน้อย ๒. สนฺตุฏฺฐิกถา ถ้อยคำที่ชักนำให้สันโดษ ๓. ปวิเวกกถา ถ้อยคำที่ชักนำให้สงัด ๔. อสํสคฺคกถา ถ้อยคำชักนำไม่ให้ระคนด้วยหมู่ ๕. วิริยารมฺภกถา ถ้อยคำชักนำให้ปรารภความเพียร ๖. สีลกถา ถ้อยคำชักนำให้ตั้งอยู่ในศีล ๗. สมาธิกถา ถ้อยคำชักนำให้ทำใจให้สงบ ๘. ปญฺญากถา ถ้อยคำชักนำให้เกิดปัญญา ๙. วิมุตฺติกถา ถ้อยคำชักนำให้ทำใจให้พ้นจากกิเลส ๑๐. วิมุตฺติญาณทสฺสนกถา ถ้อยคำชักนำให้เกิดความรู้ความเห็นในการพ้นจากกิเลส ด้วยถ้อยคำเห็นปานนี้ ภิกษุจักได้โดยง่าย จักได้โดยไม่ยาก จักได้โดยไม่ลำบาก ข้อที่ภิกษุผู้เป็นกัลยาณมิตร ฯลฯ มีเพื่อนดี จักเป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรม เพื่อให้เกิดกุศลธรรม เป็นผู้มีกำลังใจ มีความเพียรมั่นไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย ข้อที่ภิกษุผู้เป็นกัลยาณมิตร ฯลฯ มีเพื่อนดี จักเป็นผู้มีปัญญา จักเป็นผู้ประกอบด้วยอุทยัตถคามินีปัญญา (รู้ความเกิดและความเสื่อม) เพื่อให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ อันเป็นการตรัสรู้อย่างประเสริฐ.๒- ____________________________ ๒- ขุ. อุ. เล่ม ๒๕/ข้อ ๘๘ พึงทราบนิมิต คือการหลุดพ้นจากวัฏทุกข์ทั้งสิ้นว่า กลฺยาณ ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสคำมีอาทิว่า ดูก่อนอานนท์ สัตว์ทั้งหลายผู้มีความเกิดเป็นธรรมดา มีความแก่เป็นธรรมดา ย่อมพ้นจากชาติชรา เพราะอาศัยเราผู้เป็นกัลยาณ สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เป็นกัลยาณ ____________________________ ๓- สํ. ส. เล่ม ๑๕/ข้อ ๓๘๓ พึงทราบความแห่งคาถาต่อไปนี้ บทว่า สปฺปฏิสฺโส ชื่อว่า สปฺปฏิสฺโส เพราะเป็นไปกับด้วยความยำเกรง คือการรับฟัง เป็นผู้น้อมรับโอวาทของกัลยาณมิตร. อธิบายว่า เป็นผู้ว่าง่าย. อีกอย่างหนึ่ง ผู้ให้โอวาทชื่อปติสสะ เพราะปรารถนาให้เกิดประโยชน์สุข. ชื่อสัปปฏิสสะ เพราะเป็นไปกับด้วยความปรารถนานั้น ประกอบด้วยความเคารพและความเอื้อเฟื้อ มากด้วยความเคารพยำเกรงในครู. บทว่า สคารโว ได้แก่ ประกอบด้วยคารวธรรม ๖ อย่าง. บทว่า กรํ มิตฺตาน วจนํ ได้แก่ กระทำตามโอวาท คือปฏิบัติตามโอวาทของกัลยาณมิตรทั้งหลาย. บทว่า สมฺปชาโน ได้แก่ ประกอบด้วยสัมปชัญญะ ๗ อย่าง. บทว่า ปฏิสฺสโต ได้แก่ มีสติ คือทำอย่างมีสติ ด้วยสติอันสามารถให้เกิดความมั่นคงของกรรมฐานได้. บทว่า อนุปุพฺเพน ได้แก่ โดยลำดับแห่งศีลวิสุทธิเป็นต้น คือโดยลำดับแห่งวิปัสสนาและลำดับแห่งมรรคในศีลวิสุทธิเป็นต้นนั้น. บทว่า สพฺพสํโยชนกฺขยํ ความว่า พึงถึงคือ พึงบรรลุพระนิพพานอันเป็นอารมณ์แห่งพระอรหัต อันเป็นที่สิ้นสุด กล่าวคือความสิ้นแห่งสังโยชน์ทั้งปวง เพราะสังโยชน์ทั้งหมด มีกามราคสังโยชน์เป็นต้นสิ้นไป. ในเหล่านี้พึงทราบว่า พระศาสดาทรงถือเอาองค์แห่งความเพียรของการบรรลุอริยมรรค ด้วยประการฉะนี้ จบอรรถกถาทุติยเสขสูตรที่ ๗ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ เอกนิบาต ทุติยวรรค เสขสูตรที่ ๒ จบ. |