ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 232อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 233อ่านอรรถกถา 25 / 234อ่านอรรถกถา 25 / 440
อรรถกถา ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ ติกนิบาต
ปฐมวรรค เอสนาสูตรที่ ๒

               อรรถกถาทุติยเอสนาสูตร               
               ในทุติยเอสนาสูตรที่ ๖ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
               บทว่า พฺรหฺมจริเยสนา สห ความว่า พร้อมกับด้วยการแสวงหาพรหมจรรย์ ก็ด้วยการลบวิภัตติออกเสีย ศัพท์ว่า พฺรหฺมจริเยสนา นี้จึงเป็นศัพท์นิเทศ.
               อีกอย่างหนึ่ง บทว่า พฺรหฺมจริยเอสนา นี้เป็นปฐมาวิภัตติ (แต่) ลงในอรรถแห่งตติยาวิภัตติ มีคำอธิบายดังต่อไปนี้
               กามเอสนา ภวเอสนา รวมกับ พฺรหฺมจริยเอสนา จึงเป็นเอสนา ๓ อย่าง.
               ในบรรดาเอสนาเหล่านั้น เพื่อจะทรงแสดงพรหมจริยเอสนาโดยสรุป พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสคำนี้ไว้ว่า อิติ สจฺจปรามาโส ทิฏฺฐิฏฺฐานา สมุสฺสยา การยึดมั่นว่าจริง ดังนี้ เป็นที่ตั้งแห่งทิฏฐิที่เกิดขึ้น ดังนี้.
               คำนั้นมีอธิบายดังนี้
               การยึดมั่นว่าสิ่งนี้เป็นจริงอย่างนี้ด้วยประการอย่างนี้ ชื่อว่า อิติสจฺจปรามาโส พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงอาการคือ ความเป็นไปแห่งทิฏฐิไว้ว่า “สิ่งนี้เท่านั้นจริง สิ่งอื่นเป็นโมฆะ” ทิฏฐินั่นแหละชื่อว่า ทิฏฺฐิฏฺฐานา เพราะเป็นเหตุแห่งอนัตถะทุกอย่าง.
               สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า๑-
               ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตกล่าวโทษที่จะพึงตำหนิว่า มีมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างยิ่งดังนี้ และมีคำอธิบายว่า มิจฉาทิฏฐิเหล่านั้นแหละทั้งที่เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ทั้งเป็นที่เกิดขึ้น โดยเป็นที่เกิดแห่งกิเลส มีโลภะเป็นต้น ทิฏฐิทั้งหลายที่ยึดมั่นผิดๆ ว่า สิ่งนี้เท่านั้นจริง สิ่งอื่นเป็นโมฆะ ดังนี้ เป็นทั้งเหตุแห่งอนัตถะทุกอย่าง เป็นทั้งเหตุแห่งการก่อทุกข์คือกิเลส จึงชื่อว่าพรหมจริยเอสนา ด้วยบทแห่งพระคาถาว่า อิติสจฺจปรามาโส ทิฏฺฐิฏฺฐานา สมุสฺสยา นี้ พึงทราบว่า เป็นอันพระองค์ทรงแสดงพรหมจริยเอสนาไว้แล้วโดยอาการแห่งการเป็นไป และโดยความสำเร็จ.
____________________________
๑- องฺ. เอก. เล่ม ๒๐/ข้อ ๑๙๓

               บทว่า สพฺพราควิรตสฺส ความว่า พระอรหันต์ผู้คลายความกำหนัดจากกามราคะและภวราคะทั้งหลายทั้งปวง ตั้งแต่นั้นไป ก็ชื่อว่าผู้หลุดพ้นเพราะธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เพราะพ้นในเพราะพระนิพพาน กล่าวคือธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา.
               บทว่า เอสนา ปฏินิสฺสฏฺฐา ความว่า กามเอสนาและภวเอสนาเป็นอันท่านสลัดออกแล้ว คือละแล้วโดยประการทั้งปวง.
               บทว่า ทิฏฺฐิฏฺฐานา สมูหตา ความว่า เป็นที่ตั้งแห่งทิฏฐิ กล่าวคือพรหมจริยเอสนา และถูกถอนขึ้นด้วยปฐมมรรคนั่นเอง.
               บทว่า เอสนานํ ขยา ความว่า เพราะสิ้นไป คือเพราะดับไปโดยไม่เกิดขึ้นแห่งการแสวงหาทั้ง ๓ อย่างเหล่านี้.
               ตรัสเรียกว่าภิกษุ เพราะทำลายกิเลสได้แล้ว.
               ตรัสเรียกว่านิราโส เพราะหาความหวังมิได้โดยประการทั้งปวง.
               และตรัสเรียกว่าอกถังกถี เพราะละการกล่าวถ้อยคำว่าอย่างไร ด้วยความสงสัยที่เป็นทิฏฐิได้แล้ว.

               จบอรรถกถาทุติยเอสนาสูตรที่ ๖               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ ติกนิบาต ปฐมวรรค เอสนาสูตรที่ ๒ จบ.
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 232อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 233อ่านอรรถกถา 25 / 234อ่านอรรถกถา 25 / 440
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=5485&Z=5501
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=27&A=4961
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=27&A=4961
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๖  มีนาคม  พ.ศ.  ๒๕๔๙
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :