ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 

อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘]อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 26อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 27อ่านอรรถกถา 25 / 28อ่านอรรถกถา 25 / 440
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท โกธวรรคที่ ๑๗

หน้าต่างที่ ๔ / ๘.

               ๔. เรื่องปัญหาของพระโมคคัลลานเถระ [๑๗๗]               
               ข้อความเบื้องต้น               
               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภปัญหาของพระมหาโมคคัลลานเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "สจฺจํ ภเณ" เป็นต้น.

               พระโมคคัลลานะไปเทวโลก               
               ความพิสดารว่า สมัยหนึ่ง พระเถระไปยังเทวจาริก ยืนอยู่ที่ประตูวิมานของเทพธิดาผู้มีศักดิ์มากแล้ว จึงพูดอย่างนี้กะเทพธิดาองค์นั้น ผู้มาสู่สำนักของตน ไหว้แล้วยืนอยู่ว่า "เทพธิดา สมบัติของท่านมากมาย ท่านได้เพราะทำกรรมอะไร?"
               เทพธิดา. อย่าถามดิฉันเลย เจ้าข้า.
               นัยว่า เทพธิดาละอายอยู่ด้วยกรรมอันเล็กน้อยของตน จึงได้พูดอย่างนี้.
               ก็เทพธิดานั้น อันพระเถระกล่าวอยู่ว่า "จงบอกเถิด" จึงพูดว่า "ท่านผู้เจริญ ทานดิฉันก็มิได้ถวาย การบูชาก็มิได้ทำ พระธรรมก็มิได้ฟัง รักษาเพียงคำสัตย์อย่างเดียว."
               พระเถระไปยังประตูวิมานแม้อื่นแล้ว ก็ถามเทพธิดาแม้อื่นผู้มาแล้วๆ ถึงเมื่อเทพธิดาเหล่านั้น ไม่อาจเพื่อจะปกปิดเกียดกันพระเถระได้อย่างนั้นนั่นแล,
               เทพธิดาองค์หนึ่งจึงพูดก่อนว่า "ท่านผู้เจริญ บรรดาบุญกรรมมีทานเป็นต้น ชื่อว่าบุญกรรมอันดิฉันทำแล้ว ไม่มี, แต่ในกาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสป ดิฉันได้เป็นทาสีของคนอื่น, นายของดิฉันนั้น ดุร้ายหยาบคายเหลือเกิน ย่อมเอาไม้บ้าง ท่อนฟืนบ้าง ที่ตัวพลันฉวยได้ๆ ตีที่ศีรษะ, ดิฉันนั้นเมื่อความโกรธเกิดขึ้น ก็นึกติตัวเองเท่านั้นว่า ‘นายของเจ้านี่ เป็นใหญ่ เพื่อจะทำเจ้าให้เสียโฉมก็ได้, เพื่อจะตัดอวัยวะมีจมูกเป็นต้น ของเจ้าก็ได้, เจ้าอย่าโกรธเลย’ ดังนี้แล้ว ก็ไม่ทำความโกรธ; ด้วยเหตุนั้น ดิฉันจึงได้สมบัตินี้."
               เทพธิดาองค์อื่นต่างก็บอกทานเล็กน้อยอันตนๆ ทำแล้ว โดยนัยเป็นต้นว่า "ท่านผู้เจริญ ดิฉันรักษาไร่อ้อย ได้ถวายอ้อยลำหนึ่งแก่ภิกษุรูปหนึ่ง."
                         องค์อื่นบอกว่า ‘ดิฉันถวายมะพลับผลหนึ่ง’
                         องค์อื่นบอกว่า ‘ดิฉันได้ถวายฟักทองผลหนึ่ง’
                         องค์อื่นบอกว่า ‘ดิฉันได้ถวายผลลิ้นจี่ผลหนึ่ง’
                         องค์อื่นบอกว่า ‘ดิฉันได้ถวายเหง้ามันกำมือหนึ่ง’
                         องค์อื่นบอกว่า ‘ดิฉันได้ถวายสะเดากำมือหนึ่ง’
               ดังนี้แล้ว ก็บอกว่า ‘ด้วยเหตุนี้ พวกดิฉันจึงได้สมบัตินี้."

               กล่าวคำสัตย์เท่านั้นก็ไปสวรรค์ได้               
               พระเถระฟังกรรมที่เทพธิดาเหล่านั้นทำแล้ว จึงลงจากสวรรค์ เข้าไปเฝ้าพระศาสดาแล้วทูลถามว่า "พระเจ้าข้า บุคคลอาจไหมหนอแล เพื่อจะได้ทิพยสมบัติ ด้วยเหตุเพียงกล่าวคำสัตย์ เพียงดับความโกรธ เพียงถวายทานมีผลมะพลับเป็นต้น อันเล็กน้อยเหลือเกิน?"
               พระศาสดา. โมคคัลลานะ เพราะเหตุไร เธอจึงถามเรา? พวกเทพธิดาบอกเนื้อความนี้แก่เธอแล้ว มิใช่หรือ?
               โมคคัลลานะ. อย่างนั้น พระเจ้าข้า บุคคลเห็นจะได้ทิพยสมบัติด้วยกรรมมีประมาณเท่านั้น.
               ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะพระโมคคัลลานะนั้นว่า "โมคคัลลานะ บุคคลกล่าวเพียงคำสัตย์ก็ดี ละเพียงความโกรธก็ดี ถวายทานเพียงเล็กน้อยก็ดี ย่อมไปเทวโลกได้แท้"
               ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
               ๔. สจฺจํ ภเณ น กุชฺเฌยฺย     ทชฺชา อปฺปสฺมิ ยาจิโต
               เอเตหิ ตีหิ ฐาเนหิ     คจฺเฉ เทวาน สนฺติเก.
               บุคคลควรกล่าวคำสัตย์ ไม่ควรโกรธ, ถึงถูกเขาขอน้อย ก็พึงให้,
               บุคคลพึงไปในสำนักของเทวดาทั้งหลายได้ ด้วยฐานะ ๓ นั่น.

               แก้อรรถ               
               บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า สจฺจํ ภเณ ความว่า พึงแสดง คือพึงกล่าวคำสัตย์. อธิบายว่า ควรตั้งมั่นอยู่ในคำสัตย์.
               บทว่า น กุชฺเฌยฺย ได้แก่ ไม่ควรโกรธต่อบุคคลอื่น.
               บทว่า ยาจิโต ความว่า บรรพชิตผู้มีศีล ชื่อว่าผู้ขอ. ความจริง บรรพชิตเหล่านั้นไม่ขอเลยว่า "ขอท่านจงให้" ย่อมยืนอยู่ที่ประตูเรือน ก็จริง. ถึงกระนั้น โดยอรรถก็ชื่อว่าย่อมขอทีเดียว. บุคคลอันผู้มีศีลขอแล้วอย่างนั้น เมื่อไทยธรรมแม้เล็กน้อยมีอยู่ ก็พึงให้แม้เพียงเล็กน้อย.
               สองบทว่า เอเตหิ ตีหิ ความว่า บรรดาเหตุเหล่านั้น ด้วยเหตุแม้เพียงอย่างเดียว บุคคลพึงไปเทวโลกได้.
               ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.

               เรื่องปัญหาของพระโมคคัลลานเถระ จบ.               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท โกธวรรคที่ ๑๗
อ่านอรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘]
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 26อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 27อ่านอรรถกถา 25 / 28อ่านอรรถกถา 25 / 440
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=862&Z=894
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=23&A=3173
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=23&A=3173
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๓๐  พฤศจิกายน  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :