ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 390อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 408อ่านอรรถกถา 25 / 409อ่านอรรถกถา 25 / 440
อรรถกถา ขุททกนิกาย สุตตนิบาต อัฏฐกวรรค
กามสูตร

               อรรถกถาขุททกนิกาย สุตตนิบาต               
               อัฏฐกวรรคที่ ๔               
               อรรถกถากามสูตรที่ ๑               
               กามสูตรที่ ๑ มีคำเริ่มต้นว่า กามํ กามยนฺตสฺส หากวัตถุกามสำเร็จแก่สัตว์ผู้ปรารถนาอยู่ไซร้ ดังนี้.
               การเกิดขึ้นของพระสูตรนี้เป็นอย่างไร?
               มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กรุงสาวัตถี พราหมณ์ผู้หนึ่งคิดว่า เราจักหว่านข้าวเหนียวใกล้ฝั่งแม่น้ำอจิรวดี ในระหว่างกรุงสาวัตถีและพระเชตวันมหาวิหาร จึงไถนา.
               พระผู้มีพระภาคเจ้าแวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์เสด็จเข้าไปบิณฑบาตเห็นพราหมณ์นั้นทรงรำพึงเห็นว่า ข้าวเหนียวของพราหมณ์นั้นจักเสียหาย จึงทรงรำพึงถึงอุปนิสัยสมบัติของพราหมณ์นั้นต่อไป ได้ทรงเห็นอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติมรรคของพราหมณ์นั้น ทรงรำพึงว่าพราหมณ์นี้จักบรรลุเมื่อไร ได้ทรงเห็นว่า เมื่อข้าวกล้าเสียหาย พราหมณ์จะถูกความโศกครอบงำเพราะฟังพระธรรมเทศนา. ทรงดำริต่อไปว่า หากเราจักเข้าไปหาพราหมณ์ในตอนนั้น พราหมณ์จักไม่สำคัญโอวาทของเราที่ควรจะฟัง เพราะพราหมณ์ทั้งหลายมีความชอบต่างๆ กัน เอาเถิด เราจักสงเคราะห์ตั้งแต่บัดนี้ทีเดียว พราหมณ์มีจิตอ่อนในเราอย่างนี้ก็จักฟังโอวาทของเราในตอนนั้นแล้ว เสด็จเข้าไปหาพราหมณ์ตรัสถามว่า พราหมณ์ท่านทำอะไร.
               พราหมณ์คิดว่า พระสมณโคดมเป็นผู้มีตระกูลสูงยังทรงทำการปฏิสันถารกับเรา จึงมีจิตเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า ทันใดนั้นเองกราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์กำลังไถนา จักหว่านข้าวเหนียว พระเจ้าข้า.
               ลำดับนั้น พระสารีบุตรเถระคิดว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงทำการปฏิสันถารกับพราหมณ์ พระตถาคตทั้งหลาย ไม่มีเหตุปัจจัยแล้วจะไม่ทรงทำอย่างนั้น เอาเถิดแม้เราก็จะทำปฏิสันถารกับพราหมณ์นั้น จึงเข้าไปหาพราหมณ์แล้วได้ทำการปฏิสันถารอย่างนั้นเหมือนกัน. พระมหาโมคคัลลานเถระและพระมหาสาวก ๘๐ ก็ทำอย่างนั้น. พราหมณ์พอใจเป็นอย่างยิ่ง.
               ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อข้าวกล้าสมบูรณ์ วันหนึ่งเสวยภัตตาหารเสร็จแล้ว เสด็จจากกรุงสาวัตถีไปสู่พระเชตวันแวะแยกทางเข้าไปหาพราหมณ์ ตรัสว่า พราหมณ์นาข้าวเหนียวของท่านดีอยู่หรือ.
               พราหมณ์กราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ หากนาข้าวเหนียวสมบูรณ์ดีอยู่อย่างนี้ ข้าพระพุทธเจ้าจักแบ่งถวายแด่พระองค์บ้างพระเจ้าข้า. ครั้นต่อมาล่วงไปได้ ๔ เดือน ข้าวเหนียวของพราหมณ์ได้ผลิตผลบริบูรณ์. เมื่อพราหมณ์กำลังขวนขวายว่า เราจักเกี่ยววันนี้หรือพรุ่งนี้ มหาเมฆตั้งขึ้นแล้วฝนได้ตกตลอดคืน. แม่น้ำอจิรวดีเต็มเปี่ยมไหลพัดพาข้าวเหนียวไปหมด.
               พราหมณ์เสียใจตลอดคืน พอสว่างก็ไปยังฝั่งแม่น้ำเห็นข้าวกล้าเสียหายหมดเกิดความโศกอย่างแรงว่า เราฉิบหายแล้ว บัดนี้ เราจักมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร.
               ตอนใกล้รุ่งของคืนนั้นเอง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักษุทรงทราบว่า วันนี้ ถึงเวลาแสดงธรรมแก่พราหมณ์แล้ว จึงเสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังกรุงสาวัตถีประทับยืนใกล้ประตูเรือนของพราหมณ์.
               พราหมณ์เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วคิดว่า พระสมณโคดมมีพระประสงค์จะปลอบใจเราผู้ถูกความโศกครอบงำ จึงเสด็จมาแล้วปูอาสนะ รับบาตรทูลนิมนต์ให้ประทับนั่ง.
               พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบอยู่จึงตรัสถามพราหมณ์ว่า พราหมณ์ท่านเสียใจเรื่องอะไรหรือ. พราหมณ์กราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ถูกแล้วพระเจ้าข้า นาข้าวเหนียวของข้าพระองค์ถูกน้ำพัดพาเสียหายหมดพระเจ้าข้า.
               ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า พราหมณ์เมื่อถึงคราววิบัติ ก็ไม่ควรเสียใจ และเมื่อถึงคราวสมบูรณ์ ก็ไม่ควรดีใจ เพราะชื่อว่ากามทั้งหลาย ย่อมสมบูรณ์บ้าง ย่อมวิบัติบ้างดังนี้ ทรงรู้ธรรมเป็นที่สบายของพราหมณ์นั้นจึงได้ตรัสพระสูตรนี้ ด้วยอำนาจการแสดงธรรม.
               ในสูตรนั้น เราจักพรรณนาเพียงเชื่อมความของบทโดยสังเขปเท่านั้น. ส่วนความพิสดารพึงทราบโดยนัยดังกล่าวแล้วในนิทเทส๑- นั้นแล. ในสูตรทั้งหมดนอกเหนือไปจากนี้ก็เหมือนในสูตรนี้.
____________________________
๑- ขุ. มหา. เล่ม ๒๙/ข้อ ๑

               ในบทเหล่านั้น บทว่า กามํ ได้แก่ วัตถุกามคือธรรมเป็นไปในภูมิ ๓ มีรูปที่น่ารักเป็นต้น. บทว่า กามยมานสฺส คือ ปรารถนา. บทว่า ตสฺส เจ ตํ สมิชฺฌติ ความว่า หากวัตถุกามนั้นจะสำเร็จแก่สัตว์ผู้ปรารถนานั้น. ท่านอธิบายว่า หากเขาได้วัตถุกามนั้น. บทว่า อทฺธา ปีติมโน โหติ ได้แก่ ย่อมเป็นผู้มีใจยินดีโดยส่วนเดียว. บทว่า ลทฺธา แปลว่า ได้แล้ว. บทว่า มจฺโจ คือ สัตว์.
               บทว่า ยทิจฺฉติ ตัดบทเป็น ยํ อิจฺฉติ ย่อมปรารถนาสิ่งใด.
               บทว่า ตสฺส เจ กามยมานสฺส คือ แก่บุคคลนั้นผู้ปรารถนากาม หรือชื่นชมด้วยกาม. บทว่า ฉนฺทชาตสฺส เกิดความพอใจ คือเกิดความอยาก. บทว่า ชนฺตุโน คือ สัตว์. บทว่า เต กามา ปริหายนฺติ คือ หากกรรมเหล่านั้นย่อมเสื่อมไปไซร้. บทว่า สลฺลวิทฺโธว รุปฺปติ สัตว์นั้นย่อมย่อยยับเหมือนถูกลูกศรแทง คือ ต่อแต่นั้น สัตว์ย่อมย่อยยับเหมือนถูกลูกศรทำด้วยเหล็กเป็นต้นแทง.
               ในคาถาที่ ๓ มีความสังเขปดังต่อไปนี้.
               ผู้ใดเว้นกามเหล่านี้ด้วยการข่มความกำหนัดด้วยความพอใจ หรือด้วยการตัดเด็ดขาดในกามนั้นเหมือนเว้นศีรษะงูด้วยเท้าของตน ผู้นั้นเป็นผู้มีสติ ย่อมก้าวล่วงตัณหานี้ คือความอยากในโลกได้ เพราะไม่ระลึกถึงโลกแล้ว.
               ต่อแต่นี้ไปเป็นความย่อแห่งคาถาที่แสดงแล้ว.
               บุคคลใด ยินดีนามีนาข้าวเหนียวเป็นต้น ที่ดินมีที่ปลูกเรือนเป็นต้น เงินคือกหาปณะ โค ม้า ประเภทโคและม้า หญิงที่รู้กันว่าเป็นหญิง พวกพ้องมีพวกพ้องของญาติเป็นต้น หรือกามเป็นอันมากมีรูปน่ารักเป็นต้นเหล่าอื่น กิเลสทั้งหลายมีกำลังน้อย ย่อมครอบงำย่ำยีบุคคลนั้นได้.
               อธิบายว่า กิเลสทั้งหลายมีกำลังน้อยย่อมครอบงำบุคคลนั้นผู้มีกำลังน้อย เพราะเว้นจากกำลังศรัทธาเป็นต้น หรือเพราะไม่มีกำลัง. เมื่อเป็นเช่นนั้นอันตรายที่ปรากฏมีราชสีห์เป็นต้น และอันตรายที่ไม่ปรากฏมีกายทุจริตเป็นต้น ย่อมย่ำยีบุคคลนั้นผู้อยากในกาม รักษากาม และแสวงหากาม.
               แต่นั้น ทุกข์มีชาติเป็นต้น ย่อมติดตามบุคคลนั้นผู้ถูกอันตรายไม่ปรากฏครอบงำ เหมือนน้ำไหลเข้าสู่เรือที่แตกแล้วฉะนั้น เพราะฉะนั้น สัตว์พึงเป็นผู้มีสติทุกเมื่อด้วยการเจริญกายคตาสติเป็นต้น เมื่อเว้นกิเลสกามแม้ทั้งหมดในวัตถุกามมีรูปเป็นต้นด้วยการข่มไว้และการตัดเด็ดขาด พึงเว้นกามทั้งหลาย สัตว์ละกามเหล่านั้นได้อย่างนี้แล้ว พึงข้ามคือสามารถข้ามโอฆะแม้ ๔ อย่างด้วยมรรคอันทำการละกามนั้นเสียได้.
               แต่นั้น พึงวิดเรือคืออัตภาพอันหนักด้วยน้ำคือกิเลสแล้วพึงถึงฝั่งด้วยอัตภาพอันเบา พึงถึงนิพพานอันเป็นฝั่งแห่งธรรมทั้งปวง และพึงถึงด้วยการบรรลุพระอรหัต ย่อมปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ เหมือนอย่างบุรุษวิดเรือที่เต็มด้วยน้ำแล้วพึงถึงฝั่ง คือไปถึงฝั่งด้วยเรือที่เบาด้วยความลำบากเล็กน้อยเท่านั้น ฉะนั้น.
               พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงจบเทศนาด้วยธรรมอันเป็นยอดคือพระอรหัต.
               เมื่อจบเทศนา พราหมณ์และพราหมณีตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล.

               จบอรรถกถากามสูตรที่ ๑               
               แห่งอรรถกถาขุททกนิกาย               
               ชื่อปรมัตถโชติกา               
               --------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย สุตตนิบาต อัฏฐกวรรค กามสูตร จบ.
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 390อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 408อ่านอรรถกถา 25 / 409อ่านอรรถกถา 25 / 440
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=9952&Z=9968
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=29&A=7768
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=29&A=7768
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๑  พฤษภาคม  พ.ศ.  ๒๕๔๙
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :