บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร? ได้ยินว่า ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ เมื่อพระ มารดาบิดาของท่านเกิดความชื่นชมยินดี เพราะฉะนั้น จึงให้ชื่อว่านันทิยะ. นันทิยกุมารเจริญวัยแล้ว เมื่อพวกเจ้าศากยะทั้งหลายมีเจ้าอนุรุทธะเป็นต้น บวชในสำนักของพระบรมศาสดา แม้ตัวท่านเองก็บรรพชาแล้ว เจริญวิปัสสนา บรรลุพระอรหัต ต่อกาลไม่นานนัก เพราะเป็นผู้มีอธิการอันกระทำไว้แล้ว. สมด้วยคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า พระชินสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้เป็นเชษฐบุรุษของโลก ผู้ประเสริฐกว่านระ รุ่งเรืองดุจกองอัคคี ปรินิพพานแล้ว เมื่อพระมหาวีระเจ้านิพพานแล้ว ได้มีสถูปอันกว้างใหญ่ ชนทั้งหลายเอาสิ่งของที่จะพึงถวายเข้าไปตั้งไว้ที่สถูป ในห้องพระธาตุอันประเสริฐสุดในกาลนั้น เรามีจิตเลื่อมใส มีใจโสมนัสได้ทำไพรทีไม้จันทน์อันหนึ่งอันสมบูรณ์แก่สถูป และถวายธูปและของหอม ในภพที่เราเกิดคือในอัตภาพเทวดาหรือมนุษย์ เราไม่เห็นความที่เราเป็นผู้ต่ำทรามเลย นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม. ในกัปที่ ๑,๕๐๐ แต่ภัทรกัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ พระองค์ทรงพระนามว่าสมัตตะ ทุกพระองค์มีพลมาก. คุณวิเศษเหล่านี้ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว เราเผากิเลสทั้งหลาย ____________________________ ๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๒/ข้อ ๑๔๖ ก็เมื่อพระเถระนี้บรรลุพระอรหัตแล้ว อยู่ในปาจีนวังสมิคทายวันร่วมกับพระเถระทั้งหลายมีพระเถระชื่อว่าอนุรุทธะเป็นต้น. วันหนึ่ง มารผู้มีบาปมีความประสงค์จะทำให้ท่านกลัว จึงสำแดงรูปที่น่ากลัวแก่ท่าน. พระเถระรู้ทันว่าเป็นมารนั่นเอง เมื่อแสดงว่า ดูก่อนมารผู้มีบาป พระ จึงได้ภาษิตคาถาว่า จิตของภิกษุใด ได้บรรลุผลญาณ สว่างรุ่งเรือง อยู่เป็นนิตย์ ท่านมาเบียดเบียนภิกษุนั้นเข้า จักได้ รับทุกข์มหันต์ นะมาร ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โอภาสชาตํ ความว่า ชื่อว่ามีแสงสว่างเกิดแล้วด้วยโอภาสคือญาณ เพราะได้บรรลุมรรคญาณอันเลิศแล้ว. อธิบายว่า ชื่อว่าผ่องใสเหลือเกิน เพราะความมืดคือกิเลส ถูกญาณอันเลิศนั้นกำจัดหมดสิ้นแล้วโดยไม่เหลือ. บทว่า ผลคฺคํ ความว่า ถึง คือเข้าถึงแล้วซึ่งผล. อธิบายว่า ประกอบด้วยอัครผลญาณ. พระเถระเรียกจิตของพระขีณาสพว่า จิต โดยความเป็นสภาพสามัญ ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า อภิณฺหโส. ก็จิตนั้นของพระขีณาสพทั้งหลายไหวอยู่เป็นนิตย์ เพราะน้อมไปในนิโรธ จึงควรที่จะกล่าวว่า ประกอบแล้วด้วยผล เพราะเข้าถึงอรหัตผลสมาบัติ. บทว่า ตถารูปํ ความว่า มีอย่างนั้นเป็นรูป. อธิบายว่า ได้แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย. บทว่า อาสชฺช ได้แก่ ข่มขู่ คุกคาม. พระเถระ เรียกมารว่ากัณหะ. อธิบายว่า มารนั้น ท่านเรียกว่ากัณหะ เพราะมีกรรมหยาบช้าและเพราะมีชาติเลวทราม. บทว่า ทุกฺขํ นิคจฺฉติ ความว่า ท่านจักเข้าถึง คือประสบทุกข์อันทำกายให้ลำบาก ไร้ประโยชน์ โดยการเข้าไปสู่ท้อง (มารดา) เป็นต้นในชาตินี้ และอบายทุกข์อันก่อความเดือดร้อนในภพหน้า. มารฟังดังนั้นแล้วรู้ว่า พระสมณะรู้จักเรา จึงหายไปที่นั้นเอง ฉะนี้แล. จบอรรถกถานันทิยเถรคาถา ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา เอกกนิบาต ตติยวรรค ๕. นันทิยเถรคาถา จบ. |