บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร? ได้ยินว่า พระเถระนี้เกิดในตระกูลพราหมณ์ ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ เรียนจบไตรเพทและสำเร็จการศึกษาในศิลปศาสตร์ของพราหมณ์. วันหนึ่ง เขาเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วมีใจเลื่อมใส ทำการบูชาด้วยดอกมะลิ. และเมื่อทำการบูชา ก็โยนกำดอกไม้ขึ้นไปบน (อากาศ) รอบๆ พระศาสดา. ด้วยพุทธานุภาพ ดอกไม้ทั้งหลายได้ประดิษฐานเป็น (อาสนะ) ของพระศาสดาโดยอาการแห่งอาสนะดอกไม้. เขาเห็นเหตุอัศจรรย์นั้นแล้ว ได้มีใจเลื่อมใสเป็นล้นพ้น. เขากระทำบุญไว้มากท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่แต่ในสุคติภพอย่างเดียว ตลอดแสนกัป เป็นบุตรของอุทิจจพราหมณ์คนหนึ่ง ในพระนครสาวัตถี ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้มีนามว่า กัสสปะ. บิดาทำกาละ ในเวลาที่เขายังเล็กอยู่ทีเดียว มารดาจึงเลี้ยงดูเขาต่อมา. ในวันหนึ่ง เขาไปยังพระวิหารเชตวัน แล้วฟังพระธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า (สำเร็จ) เป็นพระโสดาบัน บนอาสนะนั้นแล เพราะความที่เขาเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยเหตุ กลับไปสู่สำนักมารดา ให้มารดาอนุญาตแล้วบวช. เมื่อพระศาสดาทรงปวารณาในวันออกพรรษา แล้วเสด็จจาริกไปในชนบท ประสงค์จะตามเสด็จไปกับพระศาสดา แม้ด้วยตนเอง ได้ไปยังสำนักของมารดา เพื่ออำลา. มารดาเมื่อจะชี้แจ้ง จึงกล่าวเป็นคาถาโดยเป็นคำสอนว่า ทางทิศาภาคใดๆ มีภักษาหาได้ง่าย มีความเกษม และไม่มีภัย เจ้าจงไปทางทิศาภาคนั้นๆ เถิด ลูก ขออย่าให้เจ้าประสบความเศร้าโศกเสียใจเลย ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เยน เยน แปลว่า ในที่ใดๆ. ก็บทว่า เยน เยน นี้เป็นตติยาวิภัตติ ลงในอรรถแห่งสัตตมีวิภัตติ. ความก็ว่า ในทิศาภาคใดๆ. บทว่า สุภิกฺขานิ ความว่า มีอาหารหาได้ง่าย. อธิบายว่า เป็นที่อยู่ของชาวเมือง. บทว่า สิวานิ ความว่า ปลอดภัย ไม่มีโรค. บทว่า อภยานิ ความว่า ไม่มีภัยที่เกิดจากโจรภัยเป็นต้น. ก็โรคภัยและทุพภิกขภัย ท่านสงเคราะห์เข้าด้วยบททั้งสองว่า สุภิกฺขานิ สิวานิ แล้วทีเดียว. บทว่า เตน เท่ากับ ตตฺถ ความว่า ในทิศาภาคนั้นๆ. มารดาผู้มีความเอ็นดู เรียกพระเถระนั้นว่า ลูก. ศัพท์ว่า มา เป็นนิบาต บ่งถึงความปฏิเสธ. บทว่า โสกาปหโต ความว่า อย่าไปสู่แคว้นที่ปราศจากคุณดังกล่าวแล้ว อย่าได้ถูกความเศร้าโศก อันเกิดแต่ทุพภิกขภัยเป็นต้น เข้าไปกำจัดเสียเลย. พระเถระฟังโอวาทนั้นแล้วเกิดความอุตสาหะว่า มารดาของเราหวังการไปสู่ที่ซึ่งปราศจากความเศร้าโศกแก่เรา เอาเถิด การถึงฐานะที่ปราศจากความเศร้าโศกล่วงส่วนโดยประการทั้งปวงนั่นแล ควรแล้วแก่เรา ดังนี้ แล้วเริ่มตั้งวิปัสสนา บรรลุพระอรหัต ต่อกาลไม่นานเลย. สมดังคำที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า เราเป็นพราหมณ์ผู้คงแก่เรียน ทรงจำมนต์ รู้จบไตรเพท ยืนอยู่ที่กลางแจ้ง ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้นำของโลก เสด็จเที่ยวอยู่ในป่า ดังราชสีห์ ไม่ทรงสะดุ้งกลัว ดังพระยาเสือโคร่ง ทรงแสวงหาคุณอันใหญ่หลวง ดังช้างกุญชรมาตังคะ ซับมัน ๓ ครั้ง. เราจึงหยิบเอาดอกไม้ซึกโยนขึ้นไป (บูชา) ในอากาศด้วยพุทธานุภาพ ดอกไม้ซึกทั้งหลายแวดล้อมอยู่โดยประการทั้งปวง พระสัพพัญญูมหาวีระผู้นำของโลก ทรงอธิษฐานว่า จงเป็นหลังคาดอกไม้โดยรอบ. ชนทั้งหลายได้บูชาพระนราสภ ในลำดับนั้น แผ่นดอกไม้นั้นมีขั้วข้างใน มีดอกข้างนอก เป็นเพดานบังร่มอยู่ตลอด ๗ วัน แล้วหายไปจากที่นั้น เราได้เห็นความอัศจรรย์อันไม่เคยมี น่าขนพองสยองเกล้านั้นแล้ว ยังจิตให้เลื่อมใสในพระสุคตเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ด้วยจิตอันเลื่อมใสนั้น เราอันกุศลมูลตักเตือนแล้ว ไม่ได้เข้าถึงทุคติเลยตลอดแสนกัป ในกัปที่ ๑๕,๐๐๐ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๒๕ พระองค์มีพระนามเหมือนกันว่าวีตมลาสะ มีพลมาก. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จแล้ว ดังนี้. ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้วคิดว่า คำสอนของมารดานี้แหละเป็นขอสับแห่งการบรรลุพระอรหัต ดังนี้แล้วได้กล่าวซ้ำคาถานั้นแล. จบอรรถกถากัสสปเถรคาถา ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา เอกกนิบาต วรรคที่ ๙ ๒. กัสสปเถรคาถา จบ. |