ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 26 / 1อ่านอรรถกถา 26 / 241อรรถกถา เล่มที่ 26 ข้อ 242อ่านอรรถกถา 26 / 243อ่านอรรถกถา 26 / 474
อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา เอกกนิบาต วรรคที่ ๑๑
๕. มลิตวัมภเถรคาถา

               อรรถกถามลิตวัมภเถรคาถา               
               คาถาของท่านพระมลิตวัมภเถระ เริ่มต้นว่า อุกฺกณฺฐิโต.
               เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร?
               ได้ยินว่า พระเถระนี้เกิดเป็นนก ในสระธรรมชาติแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากป่าหิมพานต์ ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ.
               พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ เมื่อจะทรงอนุเคราะห์นกนั้น จึงเสด็จไปที่สระนั้นแล้ว เสด็จจงกรมอยู่ที่ริมสระธรรมชาติ. นกเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว มีใจเลื่อมใส คาบเอาดอกโกมุทในสระไปบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า
               ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เกิดเป็นบุตรของพราหมณ์คนหนึ่ง ในกุรุกัจฉนคร ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้มีนามว่ามลิตวัมภะ.
               เขาถึงความเป็นผู้รู้แล้ว เข้าไปหาพระปัจฉาภูมหาเถระ ฟังธรรมในสำนักของพระเถระ ได้มีจิตศรัทธา บวชแล้ว เจริญวิปัสสนาอยู่.
               ก็พระเถระนั้นมีสภาพอย่างนี้ คือ ในที่ใดหาโภชนะเป็นที่สบายได้ยาก ปัจจัยนอกนี้หาได้ง่าย ท่านจะไม่หลีกไปจากที่นั้น แต่ในที่ใดหาโภชนะเป็นที่สบายได้ง่าย ปัจจัยนอกนี้หาได้ยาก ท่านจะไม่อยู่ในที่นั้น จะหลีกไปทันที
               ก็เมื่อท่านอยู่อย่างนี้ เจริญวิปัสสนา บรรลุพระอรหัตแล้ว ต่อกาลไม่นานนัก เพราะความที่ท่านเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยเหตุ และเพราะความที่ท่านเป็นผู้มีชาติแห่งมหาบุรุษ.
               สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า๑-
               ณ ที่ใกล้ภูเขาหิมวันต์มีสระใหญ่สระหนึ่ง (สระธรรมชาติ) ดาดาษด้วยดอกปทุม ในกาลนั้นเราเป็นนก มีนามชื่อว่า กุกกุฏะ อาศัยอยู่ในสระนั้น เป็นผู้มีศีลสมบูรณ์ด้วยวัตร ฉลาดในบุญและมิใช่บุญ
               พระมหามุนีทรงพระนามว่าปทุมุตตระ ทรงรู้แจ้งโลก สมควรรับเครื่องบูชา เสด็จสัญจรไปในที่ไม่ไกลสระนั้น เราหักดอกโกมุทน้อมถวายแด่พระองค์ พระองค์ทรงทราบความดำริของเราแล้วทรงรับไว้
               ครั้นเราถวายทานนั้นแล้ว และอันกุศลมูลตักเตือน เราไม่ได้เข้าถึงทุคติเลยตลอดแสนกัป
               ในกัปที่ ๑๑๖ แต่ภัทรกัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ พระองค์นามว่าวรุณะ มีพลมาก. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จแล้ว ดังนี้.
____________________________
๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๒/ข้อ ๑๖๒

               ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว พิจารณาข้อปฏิบัติของตน เมื่อจะเปล่งอุทานได้กล่าวคาถาว่า
                         เราเกิดกระสันขึ้นในที่ใด เราย่อมไม่อยู่ในที่นั้น
                         แม้เราจะยินดีอย่างนั้นก็พึงหลีกไปเสีย แต่เราเห็น
                         ว่าการอยู่ในที่ใดจะไม่มีความเสื่อมเสีย เราก็พึงอยู่
                         ในที่นั้น ดังนี้.

               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุกฺกณฺฐิโตปิ น วเส ความว่า ความกระสัน คือความไม่ยินดีในกุศลธรรมทั้งหลาย อันยิ่งด้วยการได้โภชนะเป็นที่สบาย ย่อมเกิดแก่เราผู้อยู่ในอาวาสใด เราแม้กระสันจะอยู่ในอาวาสนั้นถ่ายเดียว ก็ต้องถอยหนี คือไม่ก้าวต่อไป เพราะการได้โภชนะเป็นที่สบายนอกนี้.
               ในบทว่า น วเส นี้ พึงเอา อักษรมาเชื่อมเข้ากับ บทว่า ปกฺกเม.
               บทว่า วสมาโนปิ ปกฺกเม ความว่า ส่วนความกระสัน เพราะความขาดแคลนปัจจัย ย่อมไม่มีแก่เราผู้อยู่ในอาวาสใด เราย่อมยินดียิ่งในอาวาสนั้นโดยแท้ แม้ถึงเราจะยินดียิ่งอยู่อย่างนี้ก็ต้องถอยกลับ คือไม่ควรอยู่ เพราะได้ปัจจัยอันเป็นสัปปายะที่เหลือ เราผู้ปฏิบัติอยู่อย่างนี้แหละ ได้ถึงเฉพาะแล้วซึ่งประโยชน์ตนต่อกาลไม่นานเลย.
               ก็ในอธิการนี้ มีการประกอบความในการพิจารณาข้อปฏิบัติส่วนตน ดังกล่าวมานี้ ส่วนในการให้โอวาทแก่ผู้อื่น พึงประกอบความโดยการสร้างประโยคว่า ต้องอยู่ คือไม่หลีกไป ดังนี้.
               บทว่า น เตฺววานตฺถสํหิตํ วเส วาสํ วิจกฺขโณ ความว่า ผู้มีปัญญาเห็นประจักษ์ คือผู้มีชาติแห่งวิญญูชน ประสงค์จะบำเพ็ญประโยชน์ตนให้บริบูรณ์ ก็ไม่พึงอยู่ประจำอาวาสอันประกอบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ในพระธรรมวินัยนี้ เพราะกระทำคำอธิบายว่า
               ในอาวาสใดมีปัจจัยหาได้ง่าย สมณธรรมย่อมไม่ถึงความบริบูรณ์ในอาวาสนั้น และในอาวาสใดปัจจัยหาได้ยาก แม้สมณธรรมก็ไม่ถึงความบริบูรณ์ในอาวาสนั้น อาวาสเห็นปานนี้ ชื่อว่าประกอบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ คือประกอบไปด้วยความไม่เจริญงอกงามในพระธรรมวินัยนี้.
               อธิบายว่า ก็ในที่ใดภิกษุได้อาวาสประกอบด้วยองค์ ๕ ย่อมชื่อว่าได้สัปปายะแม้ทั้ง ๗ ด้วย พึงอยู่ประจำในอาวาสนั้นแหละ.

               จบอรรถกถามลิตวัมภเถรคาถา               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา เอกกนิบาต วรรคที่ ๑๑ ๕. มลิตวัมภเถรคาถา จบ.
อ่านอรรถกถา 26 / 1อ่านอรรถกถา 26 / 241อรรถกถา เล่มที่ 26 ข้อ 242อ่านอรรถกถา 26 / 243อ่านอรรถกถา 26 / 474
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=26&A=5579&Z=5582
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=32&A=7295
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=32&A=7295
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๓  มกราคม  พ.ศ.  ๒๕๕๐
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :