บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร? แม้พระเถระนี้ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำแล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญไว้ในภพนั้นๆ เกิดในเรือนแห่งตระกูล ใน เขาถือธนูเข้าไปสู่ชัฏป่า เห็นผ้าบังสุกุลจีวรของพระศาสดาแล้วมีใจเลื่อมใส วางธนูแล้วระลึกถึงพระพุทธคุณไหว้ผ้าบังสุกุล. ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บังเกิดในตระกูลกุฏุมพี ในพระนครสาวัตถี ในพุทธุปบาทกาลนี้. ได้ยินว่า ในวันที่เขาเกิด ภาชนะทุกอย่างในเรือนนั้นได้เต็มบริบูรณ์ไปด้วยถั่วเขียว อันสำเร็จไปด้วยทองและรัตนะทั้งหลาย เขาเจริญวัยแล้วมีครอบครัว เมื่อบุตรคนที่หนึ่งเกิดแล้ว สละฆราวาสวิสัย บวชอยู่ในอาวาสใกล้บ้าน เพียรพยายามอยู่ ได้เป็นผู้มีอภิญญา ๖ แล้ว. สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า๑- พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สยัมภูทรงเป็นบุคคลผู้เลิศพระนามว่าติสสะ ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว พระพิชิตมารทรงวางบังสุกุลจีวรไว้แล้ว เสด็จเข้าสู่พระวิหาร เราสะพายธนูที่มีสายและกระบอกน้ำ ถือดาบเข้าป่าใหญ่. ครั้งนั้น เราได้เห็นบังสุกุลจีวรซึ่งแขวนอยู่บนยอดไม้ในป่านั้น จึงวางธนูลง ณ ที่นั้นเอง ประนมกรอัญชลีเหนือเศียรเกล้า. เรามีจิตเลื่อมใส มีใจโสมนัสและมีปีติเป็นอันมาก ระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุดแล้วได้ไหว้บังสุกุลจีวร. ในกัปที่ ๙๒ แต่ภัทรกัปนี้ เราได้ไหว้บังสุกุลจีวรใด ด้วยการไหว้บังสุกุลจีวรนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการไหว้ (บังสุกุล จีวร). เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำ ____________________________ ๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๓/ข้อ ๗๑ ก็พระเถระเป็นผู้มีอภิญญา ๖ แล้วเข้าไปสู่พระนครสาวัตถี ถวายบังคมพระศาสดา แล้วอยู่ในป่าช้า. ก็เมื่อท่านไปได้ไม่นานนัก บุตรของท่านก็ได้ทำกาละ มารดาของทารกสดับข่าวว่า พระเถระมาแล้วมีความประสงค์จะยังพระเถระให้สึกด้วยคิดว่า พระราชาอย่าริบสมบัติของเราผู้หาบุตรมิได้นี้ไปเลย ไปสู่สำนักของพระเถระด้วยบริวารเป็นอันมาก ทำการปฏิสันถารแล้ว เริ่มจะประเล้าประโลม. พระเถระยืนอยู่ในอากาศ เพื่อจะให้นางรู้ความที่ตนเป็นผู้ปราศจากราคะแล้ว. เมื่อจะแสดงธรรมแก่นาง ด้วยมุขคือการประกาศข้อปฏิบัติ ได้กล่าวคาถา ๒ คาถาความว่า เราละนิวรณ์ ๕ เพื่อบรรลุความเกษมจากโยคะแล้ว ถือเอา แว่นธรรม คือญาณทัสสนะของตน ส่องดูร่างกายนี้ทั่วทั้ง หมด ทั้งภายในภายนอก ร่างกายของเรานี้ปรากฏเป็นของ ว่างเปล่าทั้งภายในและภายนอก ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปญฺจ นีวรเณ หิตฺวา ความว่า ละคือกำจัดนิวรณ์ ๕ มีกามฉันทะเป็นต้น ด้วยการบรรลุฌาน. บทว่า โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยา ความว่า เพื่อบรรลุพระนิพพานอันเป็นแดนเกษมจากโยคะทั้งหลาย ๔ มีกามโยคะเป็นต้น คืออันโยคะเหล่านั้นไม่เข้าไปประทุษร้ายแล้ว. บทว่า ธมฺมาทาสํ ได้แก่ แว่นอันเป็นองค์ธรรม. อธิบายว่า กระจกย่อมส่องให้เห็นคุณและโทษในรูปกายของผู้มองดูอยู่ฉันใด แว่นธรรมกล่าวคือวิปัสสนาก็ฉันนั้น ชื่อว่าเป็นญาณทัสสนะ เพราะเป็นเหตุให้รู้ความแตกต่างแห่งสามัญญลักษณะของธรรมทั้งหลาย ย่อมส่องให้เห็นคุณในกายที่ชื่อว่าโดยแตกต่างกัน เพราะแจกแจงสังกิเลสธรรมอย่างแจ่มแจ้ง และยังการละสังกิเลสธรรมนั้นให้สำเร็จ สำหรับท่านที่พิจารณาเห็นอยู่. ด้วยเหตุนั้น พระเถระจึงกล่าวว่า
ก็เราผู้เห็นอยู่อย่างนี้ทั้งภายในและภายนอก ได้แก่ ร่างกายคืออัตภาพกล่าวคือขันธปัญจกะ ที่เว้นสาระมีความเที่ยงเป็นต้น จึงชื่อว่าเป็นของว่างเปล่า เราได้เห็นแล้วตามความเป็นจริงด้วยญาณจักษุ. แท้จริง ขันธปัญจกะแม้ทั้งสิ้น ท่านเรียกว่ากาย ดังในประโยคมีอาทิว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายนี้เป็นที่มาประชุมของคนเขลาผู้อันอวิชชาครอบงำแล้ว ประกอบแล้วด้วยตัณหาอย่างนี้. ก็พระเถระเมื่อจะแสดงความที่ตนเป็นผู้มีกิจอันกระทำสำเร็จแล้วว่า ขันธ พระเถระแสดงธรรมแก่หญิงผู้เป็นภรรยาเก่าด้วยคาถาเหล่านี้อย่างนี้แล้ว ยังนางให้ตั้งอยู่ในสรณคมน์และศีลทั้งหลายแล้วส่งไป. จบอรรถกถาปุณณมาสเถรคาถา ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา ทุกนิบาต วรรคที่ ๓ ๖. ปุณณมาสเถรคาถา จบ. |