ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 26 / 1อ่านอรรถกถา 26 / 332อรรถกถา เล่มที่ 26 ข้อ 333อ่านอรรถกถา 26 / 334อ่านอรรถกถา 26 / 474
อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา จตุกกนิบาต
๑๑. สัปปเถรคาถา

               อรรถกถาสัปปกเถรคาถาที่ ๑๑               
               คาถาของท่านพระสัปปกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ยทา พลากา ดังนี้.
               เรื่องนั้นมีเหตุเกิดขึ้นอย่างไร?
               พระเถระแม้นี้ได้กระทำบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าในปางก่อน สั่งสมบุญไว้ในภพนั้นๆ ในกัปที่ ๓๑ แต่ภัทรกัปนี้ บังเกิดเป็นนาคมีอานุภาพมาก เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้านามว่าสัมภวะ นั่งเข้าสมาบัติในกลางแจ้ง ท่านถือเอาดอกปทุมดอกใหญ่กั้นไว้เหนือศีรษะ ได้กระทำการบูชา.
               ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก ในพุทธุปบาทกาลนี้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ในกรุงสาวัตถี ได้นามว่าสัปปกะ ถึงความเป็นผู้รู้เดียงสาแล้ว ฟังธรรมในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ศรัทธาบวชเรียนพระกรรมฐาน อยู่ ณ เลณคิริวิหาร ใกล้ฝั่งแม่น้ำชื่อว่าอชกรณี ไม่นานนักก็บรรลุพระอรหัต.
               ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวไว้ในอปทานว่า๑-
               ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์ มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อโรมสะ ครั้งนั้นพระพุทธเจ้าพระนามว่าสัมภวะ ประทับอยู่กลางแจ้ง เราออกจากที่อยู่ไปถือเอาดอกปทุมบูชา เราถือดอกปทุมบูชาอยู่วันหนึ่ง แล้วจึงได้กลับที่อยู่.
               ในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ เราได้บูชาพระพุทธเจ้าใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... ฯลฯ ... พระพุทธศาสนา เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
____________________________
๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๓/ข้อ ๑๑๐

               ท่านบรรลุพระอรหัตแล้วมายังกรุงสาวัตถี เพื่อถวายบังคมพระศาสดา อันญาติทั้งหลายอุปัฏฐากอยู่ในที่นั้น ๒-๓ วัน แสดงธรรม ให้ญาติทั้งหลายตั้งอยู่ในสรณะและศีล ได้เป็นผู้ประสงค์จะไปตามที่กล่าวแล้วนั่นแล. ญาติทั้งหลายอ้อนวอนว่า ขอท่านจงอยู่ในที่นี้เถิดขอรับพวกกระผมจะปฏิบัติ.
               ท่านแสดงอาการไปแล้วยืนอยู่ เมื่อจะประกาศความยินดียิ่งในวิเวก โดยการแสดงอ้างระบุถึงสถานที่ที่ตนอยู่ จึงได้กล่าว ๔ คาถาว่า
                                   เมื่อใด นกยางทั้งหลายมีขนอันขาวสะอาด ถูกความกลัว
                         ต่อเมฆคุกคามแล้ว ปรารถนาจะหลบซ่อนอยู่ในรังบินเข้าไปสู่รัง
                         เมื่อนั้น แม่น้ำอชกรณีย่อมยังเราให้ยินดี เมื่อใดนกยางมีขนขาว
                         สะอาดดี ถูกความกลัวต่อเมฆดำคุกคามแล้ว ไม่เห็นที่หลบลี้ จึง
                         แสวงหาที่หลบลี้ เมื่อนั้น แม่น้ำอชกรณีย่อมยังเราให้ยินดี ต้น
                         หว้าทั้งหลายทั้งสองข้างแห่งแม่น้ำอชกรณี ทำฝั่งแม่น้ำข้างหลัง
                         แห่งถ้ำใหญ่ของเราให้งาม จะไม่ยังสัตว์อะไรให้ยินดีในที่นั้น
                         ได้เล่า กบทั้งหลายมีปัญญาน้อย พ้นดีแล้วจากหมู่แห่งงูพิษและ
                         งูไม่มีพิษ พากันร้องด้วยเสียงไพเราะ วันนี้เป็นสมัยที่อยู่ปราศ
                         จากภูเขาและแม่น้ำก็หามิได้ แม่น้ำอชกรณีนี้เป็นแม่น้ำปลอดภัย
                         เป็นแม่น้ำเกษมสำราญรื่นรมย์ดี.๒-

____________________________
๒- ฉบับหลวง :-
               กบทั้งหลายมีปัญญาน้อย พ้นดีแล้ว
จากหมู่แห่งงูมีพิษและงูไม่มีพิษ พากันร้องด้วยเสียงอันไพเราะ วันนี้เป็น
สมัยที่อยู่ปราศจากภูเขาและแม่น้ำก็หามิได้ แม่น้ำอชกรณีนี้เป็นแม่น้ำ
ปลอดภัย เป็นแม่น้ำเกษมสำราญรื่นรมย์ดี.
ฉบับมหาจุฬาฯ :-
               [๓๑๐] กบทั้งหลายมีผู้เสียงเบา
หลบหนีฝูงงูพิษได้อย่างปลอดภัย
พากันส่งเสียงร้องอย่างไพเราะ
วันนี้เป็นสมัยที่อยู่ปราศจากภูเขาและแม่น้ำก็หาไม่
แม่น้ำอชกรณีเป็นแม่น้ำที่ปลอดภัย สวยงาม น่ารื่นรมย์ดี
ฉบับมหามกุฎฯ :-
               กบทั้งหลายมีปัญญาน้อย พ้นดีแล้วจากหมู่แห่งงู
มีพิษและงูไม่มีพิษ พากันร้องด้วยเสียงอันไพเราะ วันนี้
เป็นสมัยที่อยู่ปราศจากภูเขาและน้ำก็หามิได้ แม่น้ำอชกรณีนี้
เป็นแม่น้ำปลอดภัย เป็นแม่น้ำเกษมสำราญ รื่นรมย์ดี.
____________________________

               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยทา แปลว่า ในกาลใด.
               บทว่า พลากา แปลว่า นกยาง.
               บทว่า สุจิปณฺฑรจฺฉทา แปลว่า มีขนขาวสะอาดบริสุทธิ์.
               บทว่า กาฬสฺส เมฆสฺส ภเยน ตชฺชิตา ความว่า ถูกความกลัวแต่ฝนจากการคำรามแห่งเมฆในฤดูฝน คล้ายภูเขาอัญชันดำเพราะน้ำจำนวนมากหุ้มห่อไว้ คุกคามทำให้หวาดกลัวแล้ว.
               บทว่า ปเลหิติ ความว่า จักบินไปจากที่หากิน.
               บทว่า อาลยํ แปลว่า ที่อยู่ คือรังของตน.
               บทว่า อาลเยสินี ความว่า ปรารถนาจะหลบซ่อนอยู่ในรังเท่านั้น.
               บทว่า ตทา นที อชกรณี รเมติ มํ ความว่า ในฤดูฝนตกนั้น แม่น้ำชื่อว่าอชกรณี เต็มไปด้วยน้ำใหม่ ได้แก่ฝั่งแม่น้ำซึ่งพัดเอาสิ่งที่พัดไปได้ ย่อมยังเราให้ยินดี คือยังจิตของเราให้ยินดี เพราะฉะนั้น ท่านจึงประกาศความยินดียิ่งในวิเวก โดยแสดงอ้างพิเศษถึงฤดูและประเทศ.
               บทว่า สุวิสุทฺธปณฺฑรา ได้แก่ มีสีขาวสะอาดหมดจด. อธิบายว่า มีสีไม่เจือปน คือมีสีขาวล้วน.
               บทว่า ปริเยสติ แปลว่า ย่อมแสวงหา.
               บทว่า เลณํ แปลว่า ที่เป็นที่อยู่.
               บทว่า อเลณทสฺสินี ได้แก่ ไม่เห็นที่อยู่.
               อธิบายว่า ชื่อว่าไม่เห็นที่หลบลี้ เพราะเมื่อก่อนไม่มีที่อยู่ประจำ. บัดนี้ ในเวลาฤดูฝนตกถูกความกระหึ่มของเมฆคุกคาม จึงต้องจากรังแสวงหาที่อยู่ เพราะฉะนั้น จึงต้องทำรังอันเป็นที่อยู่ประจำ.
               บทว่า กํ นุ ตตฺถ ฯ เป ฯ ปจฺฉโต ความว่า ต้นหว้าทั้งหลายน้อมกิ่งที่ทรงผลหนักลง มีใบเป็นร่มเงาสนิท ตลอดกาลเป็นนิตย์ ให้ฝั่งแม่น้ำคือให้ ๒ ฝั่งแม่น้ำอชกรณี ข้างหลังถ้ำใหญ่อันเป็นที่อยู่ของเราให้งามในที่นั้น และทั้งข้างโน้นข้างนี้ จะยังสัตว์อะไรๆ ให้ไม่ยินดีในที่นั้นเล่า คือย่อมให้สัตว์ทั้งปวงยินดีทีเดียว.
               บทว่า ตามตมทสงฺฆสุปฺปหีนา ความว่า พิษงู ท่านเรียกว่าอมตะ. งูพิษทั้งหลายชื่อว่า อมตมทา เพราะอรรถว่า สัตว์ทั้งหลายย่อมตายด้วยงูพิษนั้น หมู่แห่งงูเหล่านั้น ชื่อว่าหมู่แห่งงูพิษ. เราละแล้ว คือปราศจากแล้วด้วยดีจากงูพิษนั้น.
               กบทั้งหลายมีปัญญาน้อย พากันร้องด้วยเสียงอันไพเราะ คือย่อมทำที่นั้นให้เลื่อนลั่นด้วยเสียงอันไพเราะ.
               บทว่า นาชฺช คิรินทีหิ วิปฺปวาสสมโย ความว่า วันนี้ คือบัดนี้ไม่เป็นสมัยที่ปราศจากแม่น้ำซึ่งตกจากภูเขาแม้เหล่าอื่น แต่เมื่อว่าโดยพิเศษ แม่น้ำอชกรณีปลอดภัย เพราะเว้นจากปลาร้ายและจระเข้เป็นต้น. ชื่อว่าปลอดโปร่ง เพราะสมบูรณ์ด้วยพื้น ท่าและหาดทรายที่ดี. อธิบายว่า น่ายินดีน่ารื่นรมย์ใจด้วยดี เพราะฉะนั้น ใจของเราย่อมยินดีในที่นั้นนั่นแล.
               ก็แล้วครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว สละญาติทั้งหลาย ไปยังที่อยู่ของตนตามเดิม.
               ด้วยการแสดงความยินดียิ่งในสุญญาคาร คำนี้แหละเป็นคำพยากรณ์พระอรหัตผลของพระเถระฉะนี้แล.

               จบอรรถกถาสัปปกเถรคาถาที่ ๑๑               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา จตุกกนิบาต ๑๑. สัปปเถรคาถา จบ.
อ่านอรรถกถา 26 / 1อ่านอรรถกถา 26 / 332อรรถกถา เล่มที่ 26 ข้อ 333อ่านอรรถกถา 26 / 334อ่านอรรถกถา 26 / 474
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=26&A=6303&Z=6314
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=33&A=743
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=33&A=743
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๓  มกราคม  พ.ศ.  ๒๕๕๐
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :