ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 412 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 415 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 418 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อรรถกถา พยัคฆชาดก
ว่าด้วย เรื่องของมิตร

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภโกกาลิกภิกษุ จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า เยน มิตฺเตน สํสคฺคา ดังนี้.
               เรื่องพระโกกาลิกะจักมีแจ้งใน ตักการิยชาดก เตรสนิบาต.
               ก็พระโกกาลิกะคิดว่า จักไปพาพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะมา จึงออกจากกาสิกรัฐไปยังพระวิหารเชตวัน ถวายบังคมพระศาสดา แล้วเข้าไปหาพระเถระทั้งสอง แล้วกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้อาวุโส มนุษย์ชาวแว่นแคว้นเรียกหาท่านทั้งหลาย มาเถิดท่าน เราทั้งหลายจะได้ไปด้วยกัน. พระเถระทั้งสองกล่าวว่า ไปเถอะคุณ พวกเรายังจะไม่ไป.
               พระโกกาลิกะนั้นอันพระเถระทั้งสองปฏิเสธแล้ว จึงได้ไปโดยลำพังตนเอง.
               ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พระโกกาลิกะไม่อาจเป็นไปร่วม หรือเว้นจากพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ แม้ร่วมก็อดกลั้นไม่ได้ แม้พลัดพรากก็อดกลั้นไม่ได้. พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งประชุมกันด้วยเรื่องอะไรหนอ? เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่าด้วยเรื่องชื่อนี้พระเจ้าข้า จึงตรัสว่า มิใช่ในบัดนี้เท่านั้นดอกนะภิกษุทั้งหลาย แม้ในกาลก่อน พระโกกาลิกะนี้ไม่อาจอยู่ร่วม หรือเว้นจากพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะได้แล้ว ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
               ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นรุกขเทวดาอยู่ในราวป่าแห่งหนึ่ง ในที่ไม่ไกลวิมานของพระโพธิสัตว์นั้น มีรุกขเทวดาตนหนึ่งอยู่ในต้นไม้เจ้าป่าต้นหนึ่ง สีหะและพยัคฆ์ก็อยู่ในไพรสณฑ์นั้น เพราะกลัวสีหะและพยัคฆ์ใคร ๆ จึงไม่ไถนา ไม่ตัดไม้ในไพรสณฑ์นั้น ชื่อว่าบุคคลผู้สามารถที่เหลียวกลับมาดู ย่อมไม่มี.
               ก็สีหะและพยัคฆ์เหล่านั้นฆ่าเนื้อทั้งหลายแม้มีประการต่างๆ เคี้ยวกิน ทิ้งสิ่งที่เหลือจากการเคี้ยวกินไว้ในที่นั้นนั่นเองแล้วก็ไปเสีย ไพรสณฑ์นั้นจึงมีกลิ่นซากสัตว์อันไม่สะอาด เพราะกลิ่นของเนื้อเหล่านั้น. ลำดับนั้น รุกขเทวดานอกนี้เป็นผู้โง่เขลาไม่รู้จักเหตุและมิใช่เหตุ วันหนึ่ง ได้กล่าวกะพระโพธิสัตว์ว่า ดูก่อนสหาย ไพรสณฑ์เกิดกลิ่นซากสัตว์อันไม่สะอาดแก่พวกเรา เพราะอาศัยสีหะและพยัคฆ์เหล่านี้ เราจะไล่สีหะและพยัคฆ์เหล่านี้ให้หนีไปเสีย.
               พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ดูก่อนสหาย เพราะอาศัยสีหะและพยัคฆ์ทั้งสองตัวนี้ พวกเราจึงรักษาวิมานอยู่ได้ เมื่อสีหะและพยัคฆ์เหล่านี้หนีไปเสีย วิมานของพวกเราก็จักฉิบหาย เพราะพวกมนุษย์เมื่อไม่เห็นรอยเท้าของสีหะและพยัคฆ์ทั้งหลายก็จักตัดป่าทั้งหมด กระทำให้เป็นเนินลานเดียวกันแล้วไถนา ท่านอย่าชอบใจอย่างนี้เลย แล้วกล่าวคาถา ๒ คาถาแรกว่า :-

               ความเกษมจากโยคะย่อมเสื่อมไป เพราะการคบหากับมิตรคนใด บุรุษผู้เป็นบัณฑิตพึงรักษาลาภ ยศ และชีวิตของตน ที่มิตรนั้นครอบงำไว้เสียก่อน ดุจบุคคลผู้รักษาดวงตาของตนไว้ฉะนั้น.

               ความเกษมจากโยคะย่อมเจริญ เพราะการคบหากับมิตรคนใด บุรุษผู้เป็นบัณฑิตพึงกระทำความเป็นไปในกิจทั้งปวงของกัลยาณมิตรนั้นให้เสมอเหมือนของตน.


               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เยน มิตฺเตน สํสคฺคา ได้แก่เพราะเหตุแห่งการเกี่ยวข้อง คือเพราะการณ์แห่งการเกี่ยวข้องกับบาปมิตรใด อธิบายว่า เพราะกระทำความเกี่ยวข้อง ๕ ประการนี้ คือทัสสนสังสัคคะ เกี่ยวข้องด้วยการเห็น สวนสังสัคคะ เกี่ยวข้องด้วยการฟัง กายสังสัคคะ เกี่ยวข้องด้วยกาย สมุลลาปสังสัคคะ เกี่ยวข้องด้วยการเจรจา และปริโภคสังสัคคะ เกี่ยวข้องด้วยการบริโภค.
               บทว่า โยคกฺเขโม ได้แก่ ความสุขทางกายและทางจิตใจ. จริงอยู่ ความสุขทางกายและทางจิตนั้น ท่านประสงค์เอาว่า โยคักเขมะความเกษมจากโยคะ ในที่นี้ เพราะเป็นความเกษมจากโยคะ คือทุกข์. บทว่า วิหียติ แปลว่า ย่อมเสื่อม. บทว่า ปุพฺเพวชฺฌาภวนฺตสฺส รกฺเข อกฺขึว ปณฺฑิโต ความว่า บุรุษผู้เป็นบัณฑิตพึงรักษาลาภยศ และชีวิตของตน ที่ปาปมิตรนั้นยึดครอง คือที่ปาปมิตรนั้นจะพึงครอบครองไว้เสียก่อน โดยอาการที่ปาปมิตรนั้นครอบครองลาภ ยศ และชีวิตนั้นไม่ได้ ประดุจรักษานัยน์ตาทั้งสองของตนฉะนั้น.
               พึงทราบวินิจฉัยในคาถาที่ ๒ ดังต่อไปนี้ :-
               บทว่า เยน ได้แก่ เพราะเหตุ คือเพราะการณ์เกี่ยวข้องกับด้วยกัลยาณมิตรใด. บทว่า โยคกฺเขโม ปวฑฺฒติ ความว่า ความสุขทางกายและจิตย่อมเจริญ บทว่า กเรยฺยตฺตสมํ วุตฺตึ ความว่า บุรุษผู้เป็นบัณฑิตพึงกระทำกิจทั้งปวง ทั้งพึงกระทำให้ยิ่งในกิจทั้งปวงของกัลยาณมิตรนั้น เหมือนกระทำการเลี้ยงชีวิตและการใช้เครื่องอุปโภคและเครื่องบริโภคของตน ฉะนั้น.

               เมื่อพระโพธิสัตว์แม้จะกล่าวเหตุอย่างนี้ เทวดาเขลาตนนั้นไม่พิจารณาใคร่ครวญเลย วันหนึ่ง แสดงรูปอันน่ากลัว ทำให้สีหะและพยัคฆ์เหล่านั้นหนีไป. พวกมนุษย์ไม่เห็นรอยเท้าของสีหะและพยัคฆ์เหล่านั้นรู้ได้ว่า พวกสีหะและพยัคฆ์หนีไปอยู่ชัฏป่าอื่น จึงถางชัฏป่าได้ด้านหนึ่ง. เทวดาเขลาจึงเข้าไปหาพระโพธิสัตว์แล้ว กล่าวว่า ดูก่อนสหาย ข้าพเจ้าไม่กระทำตามคำของท่านจึงทำสีหะและพยัคฆ์ทั้งหลายให้หนีไป บัดนี้ มนุษย์ทั้งหลายรู้ว่าสีหะและพยัคฆ์เหล่านั้นหนีไปแล้ว จึงพากันตัดชัฏป่า เราจะพึงทำอย่างไรหนอ อันพระโพธิสัตว์กล่าวว่า บัดนี้ สีหะและพยัคฆ์เหล่านั้นอยู่ในชัฏป่าโน้น ท่านจงไปนำเอาสีหะและพยัคฆ์เหล่านั้นมา จึงไปที่ชัฏป่านั้น ยืนประคองอัญชลีข้างหน้าสีหะและพยัคฆ์เหล่านั้น แล้วกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-

               ดูก่อนสีหะและพยัคฆ์ จงมาเถิด ขอเชิญท่านทั้งสองจงกลับเข้าไปยังป่าใหญ่ พวกมนุษย์อย่ามาตัดป่าของเราให้ปราศจากสีหะและพยัคฆ์เลย สีหะและพยัคฆ์อย่าได้เป็นผู้ไร้ป่า ดังนี้.


               พระโพธิสัตว์เรียกสีหะและพยัคฆ์แม้ทั้งสองนั้น โดยนามว่าพยัคฆ์ จึงกล่าวว่า พฺยคฺฆา ในคาถานั้น. บทว่า นิวตฺตวฺโห แปลว่า ขอจงกลับ. บทว่า ปจฺจุเปถ มหาวนํ ความว่า ท่านทั้งหลายจงเข้าไปยังป่าใหญ่นั้น คือจงกลับเข้าไปอีก. อีกอย่างหนึ่ง พระบาลีก็อย่างนี้เหมือนกัน. บทว่า มา โน วนํ ฉินฺทิ นิพฺยคฺฆํ ความว่า บัดนี้ มนุษย์ทั้งหลายอย่าได้ตัดชัฏป่าอันเป็นที่อยู่ของพวกเรา ชื่อว่าให้ปราศจากสีหะและพยัคฆ์ เพราะไม่มีพวกท่าน. บทว่า พฺยคฺฆา มาเหสุ นิพฺพนา ความว่า พระยาสีหะและพยัคฆ์ทั้งสองเช่นท่าน ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ไร้ป่า คืออย่าเป็นผู้เว้นจากป่าอันที่อยู่ เพราะหนีไปจากสถานที่อยู่ของตน.

               สีหะและพยัคฆ์ทั้งสองนี้ แม้ถูกเทวดานั้นอ้อนวอนอยู่อย่างนี้ก็ยังคงปฏิเสธว่า ท่านไปเถอะ พวกเรายังไม่ไป. เทวดาผู้เดียวเท่านั้นกลับมายังชัฏป่า. ฝ่ายมนุษย์ทั้งหลายก็ตัดป่าทั้งหมด โดย ๒-๓ วันเท่านั้น กระทำให้เป็นเนื้อนาแล้วกระทำกสิกรรม.

               พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะ แล้วทรงประชุมชาดกว่า
               เทวดาผู้ไม่ฉลาดในกาลนั้น ได้เป็น พระโกกาลิกะ ในบัดนี้
               ส่วนเทวดาผู้ฉลาดในกาลนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.

               จบ อรรถกถาพยัคฆชาดกที่ ๒

.. อรรถกถา พยัคฆชาดก ว่าด้วย เรื่องของมิตร จบ.
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 412 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 415 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 418 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=2249&Z=2260
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=38&A=2147
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=38&A=2147
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๑๖  มิถุนายน  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :