ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 43 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 44 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 45 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อรรถกถา เอกกนิบาตชาดก อัตถกามวรรค
๔. มกสชาดก ว่าด้วยมีศัตรูผู้มีปัญญาดีกว่ามีมิตรโง่

               พระบรมศาสดา เมื่อเสด็จจาริกไปในหมู่ชนชาวมคธ ทรงปรารภพวกมนุษย์ชาวบ้านที่เป็นพาล ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า “ เสยฺโย อมิตฺโต ” ดังนี้. :-
               ได้ยินมาว่า ในสมัยหนึ่ง พระตถาคตเจ้าเสด็จจากพระนครสาวัตถี ไปสู่แคว้นมคธ ขณะกำลังเสด็จจาริกไปในแคว้นมคธนั้น ทรงบรรลุถึงบ้านตำบลหนึ่ง. แม้บ้านหมู่นั้นก็หนาแน่นไปด้วยพวกมนุษย์อันธพาลโดยมาก.
               ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง พวกมนุษย์อันธพาลประชุมปรึกษากันว่า ท่านทั้งหลาย พวกยุงมันรุมกัดเรา ขณะที่ไปทำการงานในป่า เพราะเหตุนั้น การงานของเราทั้งหลายจึงขาดไป พวกเราจักถือธนูแลอาวุธ ครบมือทีเดียว พากันไปรบกับฝูงยุง ฆ่ามันเสีย แทงมันเสีย ให้ตายให้หมด ดังนี้ แล้วพากันไปป่า ต่างก็หมายมั่นว่า เราจักแทงฝูงยุง กลับไปทิ่มแทง ประหารกันเอง ต่างคนต่างก็เจ็บป่วยกลับมา นอนอยู่ภายในบ้านก็มี ที่กลางบ้านก็มี ที่ประตูบ้านก็มี.
               พระบรมศาสดาแวดล้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ เสด็จเข้าไปสู่บ้านนั้นเพื่อบิณฑบาต. หมู่คนที่เป็นบัณฑิตที่เหลือ เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงสร้างมณฑปที่ประตูบ้าน ถวายมหาทานแก่พระสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ถวายบังคมพระศาสดา นั่งอยู่แล้ว.
               ครั้งนั้น พระศาสดาทอดพระเนตรเห็น คนทั้งหลายล้มนอนเจ็บในที่นั้นๆ ก็ตรัสถามอุบาสกเหล่านั้นว่า คนเหล่านี้ไปทำอะไรกันมา จึงได้เจ็บป่วยกันมากมาย?
               อุบาสกเหล่านั้นก็กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คนเหล่านี้คบคิดกันว่า พวกเราจักทำการรบกับฝูงยุง แล้วพากันยกไป กลับไปรบกันเอง เลยเจ็บป่วยไปตามๆ กัน.
               พระศาสดาตรัสว่า มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น ที่พวกมนุษย์อันธพาลคบคิดกันว่า เราจักประหารฝูงยุง กลับประหารตนเอง แม้ในครั้งก่อน ก็เคยเป็นพวกมนุษย์ที่คิดว่า จักประหารยุง แต่กลับประหารผู้อื่นมาแล้วเหมือนกัน. แล้วทรงดุษณี ต่อเมื่อพวกมนุษย์เหล่านั้นทูลอาราธนาแล้ว.
               ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
               ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ อยู่ในกรุงพาราณสี. พระโพธิสัตว์เลี้ยงชีวิตด้วยการค้า. ครั้งนั้น ที่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง ในแคว้นกาสี มีพวกช่างไม้อาศัยอยู่มาก ด้วยกัน. ช่างไม้หัวล้านคนหนึ่ง ในหมู่ช่างไม้เหล่านั้น กำลังตากไม้ ขณะนั้น มียุงตัวหนึ่ง บินมาจับที่ศีรษะ ซึ่งคล้ายกับกะโหลกทองแดงคว่ำ แล้วกัดศีรษะด้วยจะงอยปาก เหมือนกับประหารด้วยหอก. ช่างไม้จึงบอกลูกของตน ผู้นั่งอยู่ใกล้ๆ ว่า ไอ้หนู ยุงมันกัดศีรษะพ่อ เจ็บเหมือนถูกแทงด้วยหอก จงฆ่ามันเสีย.
               ลูกพูดว่า พ่อจงอยู่นิ่งๆ ฉันจะฆ่ามัน ด้วยการตบครั้งเดียวเท่านั้น.
               แม้ในเวลานั้น พระโพธิสัตว์ก็กำลังเที่ยวแสวงหาสินค้าของตนอยู่ ลุถึงบ้านนั้น นั่งพักอยู่ในโรงของช่างไม้นั้น. เป็นเวลาเดียวกันกับที่ช่างไม้นั้น บอกลูกว่า ไอ้หนู ไล่ยุงนี้ที.
               ลูกขานรับว่า จ่ะพ่อ ฉันจะไล่มัน พูดพลาง ก็เงื้อขวานเล่มใหญ่คมกริบ ยืนอยู่ข้างหลังพ่อ ฟันลงมาเต็มที่ ด้วยคิดว่า จักประหารยุง เลยผ่าสมองของบิดาเสียสองซีก. ช่างไม้ถึงความตายในที่นั้นเอง.
               พระโพธิสัตว์เห็นการกระทำของลูกช่างไม้แล้ว ได้คิดว่า ถึงปัจจามิตรเป็นบัณฑิต ก็ยังดีกว่า เพราะเขายังเกรงอาญาแผ่นดิน ไม่ถึงกับฆ่ามนุษย์ได้.
               แล้วกล่าวคาถานี้ ความว่า
               “ ศัตรูผู้มีความรู้ ประเสริฐกว่ามิตรผู้ปราศจากความรู้ ไม่ประเสริฐเลย เพราะลูกชายผู้โง่เขลา คิดว่า จักฆ่ายุง กลับผ่าหัวของพ่อเสีย ” ดังนี้.

               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เสยฺโย ความว่า ประเสริฐ คือสูงสุด.
               บทว่า มติยา อุเปโต ความว่า ประกอบด้วยปัญญา.
               บทว่า เอลมูโค แปลว่า เซ่อเซอะ คือโง่เขลา.
               บทว่า ปุตฺโต ปิตุ อพฺภิทา อุตฺตมงฺคํ ความว่า เพราะความที่ตนเป็นคนโง่เขลา แม้เป็นบุตร คิดว่า เราจักฆ่ายุง ก็ยังผ่าหัวสมองของพ่อเสียแล่งเป็น ๒ ซีก เพราะเหตุนั้น บัณฑิตถึงจะเป็นศัตรู ก็ยังดีกว่ามิตรที่โง่ๆ.
               พระโพธิสัตว์ ครั้นกล่าวคาถานี้แล้ว ก็ลุกขึ้นไปทำงานตามหน้าที่. แม้พวกที่เป็นญาติ ก็ได้จัดการทำสรีรกิจของช่างไม้.
               พระบรมศาสดาตรัสว่า อุบาสกทั้งหลาย แม้ในครั้งก่อน ก็ได้เคยมีมนุษย์ที่ได้คิดว่า เราจักประหารยุง แต่กลับประหารคนอื่นมาแล้ว เหมือนกัน.
               ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงสืบอนุสนธิประชุมชาดกว่า
               ก็พ่อค้าบัณฑิตที่กล่าวคาถา แล้วหลีกไป ได้มาเป็น เราตถาคต นี้แล.


               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา เอกกนิบาตชาดก อัตถกามวรรค ๔. มกสชาดก ว่าด้วยมีศัตรูผู้มีปัญญาดีกว่ามีมิตรโง่ จบ.
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 43 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 44 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 45 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=294&Z=299
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=36&A=357
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=36&A=357
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๘  พฤศจิกายน  พ.ศ.  ๒๕๔๖
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :