ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 478 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 481 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 484 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อรรถกถา ชัมพุขาทกชาดก
ว่าด้วย การสรรเสริญกันและกัน

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภพระเทวทัตกับพระโกกาลิกะ จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า โกยํ วินฺทุสฺสโร วคฺคุ ดังนี้.
               ได้ยินว่า ในครั้งนั้น เมื่อพระเทวทัตเสื่อมลาภสักการะ พระโกกาลิกะจึงเข้าไปยังตระกูลทั้งหลาย กล่าวคุณของพระเทวทัตว่า พระเถระผู้มีนามว่าเทวทัต เกิดในราชวงศ์แห่งพระเจ้าโอกกากราช โดยสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้ามหาสมมตราช เจริญในขัตติยวงศ์อันไม่ปะปน ทรงพระไตรปิฎก ได้ฌาน มีถ้อยคำไพเราะ เป็นธรรมกถึก ท่านทั้งหลายจงให้ จงกระทำแก่พระเถระเถิด.
               ฝ่ายพระเทวทัตก็กล่าวคุณของพระโกกาลิกะว่า พระโกกาลิกะออกบวชจากตระกูลพราหมณ์ผู้มีชื่อเสียง เป็นพหูสูต เป็นธรรมกถึก ท่านทั้งหลายจงให้ จงกระทำแก่พระโกกาลิกะเถิด. พระเทวทัตกับพระโกกาลิกะนั้นต่างกล่าวคุณของกันและกัน เที่ยวฉันอยู่ในเรือนแห่งตระกูลทั้งหลายด้วยประการดังนี้.
               อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระเทวทัตกับพระโกกาลิกะต่างกล่าวถ้อยคำพรรณนาคุณอันไม่มีจริงของกันและกัน แล้วเที่ยวฉันอาหารอยู่ พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่บัดนี้เท่านั้นที่พระเทวทัตกับพระโกกาลิกะนั้นกล่าวคำพรรณนาคุณอันไม่เป็นจริงแล้วบริโภคภัตตาหาร แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตกับพระโกกาลิกะก็บริโภคแล้วเหมือนกัน แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้.
               ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นรุกขเทวดาอยู่ในราวป่าชมพู่แห่งหนึ่ง. ในป่าชมพู่นั้น มีกาตัวหนึ่งจับอยู่ที่กิ่งชมพู่ กินผลชมพู่สุกๆ ครั้งนั้น มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเดินมา แหงนดูเห็นกาคิดว่า ถ้ากระไร เรากล่าวคุณอันไม่เป็นจริงของกานี้ จะได้กินชมพู่สุก
               เมื่อจะกล่าวคุณของกานั้น จึงกล่าวคาถานี้ว่า :-
               ใครนี่มีเสียงอันไพเราะเพราะพริ้ง อุดมกว่าสัตว์ผู้มีเสียงเพราะทั้งหลาย จับอยู่ที่กิ่งชมพู่ ส่งเสียงร้องไพเราะดุจลูกนกยูงฉะนั้น.


               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วินฺทุสฺสโร ความว่า ประกอบด้วยเสียงหยดย้อย คือละมุนละไม กลมกล่อม.
               บทว่า วคฺคุ ได้แก่ มีเสียงทั้งอ่อนทั้งเพราะ.
               บทว่า อจฺจุโต ได้แก่ ไม่เคลื่อนที่ คือจับนิ่งอยู่.
               ด้วยบทว่า โมรจฺฉาโปว กุชฺชติ นี้ สุนัขจิ้งจอกกล่าวว่า นั่นชื่ออะไร ส่งเสียงร้องเป็นที่น่าเจริญใจ ดุจนกยูงรุ่นหนุ่มฉะนั้น

               ลำดับนั้น กาเมื่อจะสรรเสริญตอบสุนัขจิ้งจอกนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
               กุลบุตรย่อมรู้จักสรรเสริญกุลบุตร ดูก่อนสหายผู้มีผิวพรรณคล้ายลูกเสือโคร่ง เชิญท่านบริโภคเถิด เรายอมให้แก่ท่าน.


               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า พฺยคฺฆจฺฉาปสทิสวณฺณ ความว่า ท่านย่อมปรากฎแก่ข้าพเจ้า เหมือนมีวรรณะเสมอกับลูกเสือโคร่ง ดูก่อนท่านผู้มีวรรณะเช่นกับลูกเสือโคร่งผู้เจริญ ด้วยเหตุนั้น ข้าพเจ้าจึงขอกล่าวกะท่าน.
               บทว่า ภุญฺช สมฺม ททามิ เต ความว่า ดูก่อนสหาย ท่านจงกินผลชมพู่สุกจนพอแก่ความต้องการเถิด เรายอมให้ท่าน.

               ก็แหละ ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้วจึงเขย่ากิ่งชมพู่ให้ผลทั้งหลายหล่นลงไป.
               ครั้งนั้น เทวดาผู้สิงอยู่ที่ต้นชมพู่ เห็นกากับสุนัขจิ้งจอกทั้งสองแม้นั้น กล่าวคุณอันไม่เป็นจริงของกันและกันกินชมพู่สุกอยู่ จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า
               ดูก่อนบุคคลผู้สรรเสริญกันและกัน เราได้เห็นคนพูดมุสา คือกาผู้เคี้ยวกินของที่คนอื่นคายแล้ว และสุนัขจิ้งจอกผู้กินซากศพ มาประชุมกันนานมาแล้ว.


               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วนฺตาทํ ได้แก่ กาผู้กินภัตที่คนอื่นคายแล้ว.
               บทว่า กุณปาทญฺจ ได้แก่ สุนัขจิ้งจอกผู้กินซากศพ.

               ก็แหละ เทวดานั้นครั้นกล่าวคาถานี้แล้ว จึงแสดงรูปารมณ์อันน่ากลัวให้กาและสุนัขจิ้งจอกเหล่านั้นให้หนีไปจากที่นั้น.

               พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
               สุนัขจิ้งจอกในกาลนั้น ได้เป็น พระเทวทัต
               กาในกาลนั้น ได้เป็น พระโกกาลิกะ
               ส่วนรุกขเทวดาได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.

               จบอรรถกถาชัมพูขาทกชาดกที่ ๔               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ชัมพุขาทกชาดก ว่าด้วย การสรรเสริญกันและกัน จบ.
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 478 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 481 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 484 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=2515&Z=2524
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=38&A=4308
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=38&A=4308
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๑๘  มิถุนายน  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :