ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 31 / 0อ่านอรรถกถา 31 / 523อรรถกถา เล่มที่ 31 ข้อ 525อ่านอรรถกถา 31 / 527อ่านอรรถกถา 31 / 737
อรรถกถา ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค มหาวรรค
๘. วิปัลลาสกถา

               อรรถกถาวิปัลลาสกถา               
               บัดนี้จะพรรณนาตามลำดับความที่ยังไม่เคยพรรณนาแห่งวิปัลลาสกถาอันมีพระสูตรเป็นบทนำ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ในวิปัลลาสะอันเป็นปัจจัยของกรรมนั้นกล่าวแล้ว.
               พึงทราบความในพระสูตรก่อน.
               บทว่า สญฺญาวิปลฺลาสา คือมีความสำคัญคลาดเคลื่อนเป็นสภาวะ. อธิบายว่า มีสัญญาวิปริต.
               แม้ในสองบทที่เหลือก็มีนัยนี้เหมือนกัน.
               สัญญาวิปลาสย่อมปรากฏในกาลแห่งกิจของตนมีกำลัง ด้วยอกุศลสัญญาปราศจากทิฏฐิในฐานะแห่งกิจของจิตมีกำลังอ่อน.
               จิตวิปลาสย่อมเป็นไปในกาลแห่งกิจของตนเป็นอกุศลจิตปราศจากทิฏฐิมีกำลัง. ทิฏฐิวิปลาสย่อมเป็นไปในจิตอันสัมปยุตด้วยทิฏฐิ.
               เพราะฉะนั้น สัญญาวิปลาสมีกำลังอ่อนกว่าทั้งหมด. จิตวิปลาสมีกำลังมากกว่าสัญญาวิปลาสนั้น. ทิฏฐิวิปลาสมีกำลังมากกว่าทั้งหมด.
               จริงอยู่ ชื่อว่าความสำคัญเพราะถือเอาเพียงอาการปรากฏแห่งอารมณ์ ดุจการเห็นกหาปณะของทารกที่ยังไม่รู้เดียงสา.
               ชื่อว่าความคิดเพราะถึงแม้การรู้แจ้งลักษณะ ดุจการเห็นกหาปณะของคนชาวบ้าน.
               ชื่อว่าความเห็นเพราะรูปคลำสิ่งที่ยึดถือ ดุจการจับเหล็กด้วยคีมใหญ่ของช่างเหล็ก.
               บทว่า อนิจฺเจ นิจฺจนฺติ สญฺญาวิปลฺลาโส ความสำคัญผิดในสภาพที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง คือความสำคัญอันเกิดขึ้น เพราะถือเอาในวัตถุไม่เที่ยงว่านี้เที่ยง ชื่อว่าสัญญาวิปลาส.
               พึงทราบความในบททั้งปวงโดยนัยนี้.
               บทว่า น สญฺญาวิปลฺลาโส ย จิตฺตวิปลฺลาโส น ทิฏฺฐิวิปลฺลาโส ความสำคัญไม่ผิด ความคิดไม่ผิด ความเห็นไม่ผิด ท่านกล่าวถึงการถือเอาตามความเป็นจริง เพราะไม่มีการถือผิด ๑๒ อย่างในวัตถุ ๔ อย่าง.
               พึงทราบความในคาถาทั้งหลายดังต่อไปนี้.
               บทว่า อนตฺตนิ จ อตฺตา คือมีความสำคัญอย่างนี้ว่า ในสภาพที่มิใช่ตัวตนว่าตัวตน.
               บทว่า มิจฺฉาทิฏฺฐิหตา ถูกความเห็นผิดนำไป คือไม่เพียงมีความสำคัญอย่างเดียวเท่านั้น ยังถูกความเห็นผิดอันเกิดขึ้นดุจด้วยสัญญานำไป.
               บทว่า ขิตฺตจิตฺตา มีจิตกวัดแกว่ง คิอประกอบด้วยจิตกวัดแกว่ง หมุนไปอันเกิดขึ้นดุจด้วยสัญญาและทิฏฐิ.
               บทว่า วิสญฺญิโน มีสัญญาผิดนี้เป็นเพียงเทศนา.
               ความว่า มีความสำคัญ ความคิดและความเห็นวิปริต.
               อีกอย่างหนึ่ง เพราะสัญญาเป็นตัวนำท่านจึงกล่าว สัญญาวิปลาสด้วยบท ๔ แห่งทิฏฐิก่อน แต่นั้นจึงกล่าวบทว่า มิจฺฉาทิฏฺฐิหตา ถูกมิจฉาทิฏฐินำไป เป็นทิฏฐิวิปลาส.
               บทว่า ขิตฺตจิตฺตา จิตกวัดแกว่งเป็นจิตวิปลาส.
               บทว่า วิสญฺญิโน มีสัญญาผิด คือถึงโมหะปราศจากสัญญาปกติด้วยการถือวิปลาส ๓ ดุจในบทนี้ว่า๑- สลบเพราะกำลังพิษ ถึงวิสัญญี (หมดความรู้สึก).
____________________________
๑- ขุ. ชา. เล่ม ๒๘/ข้อ ๔๙๓

               บทว่า เต โยคยุตฺตา มารสฺส คือสัตว์เหล่านั้น ชื่อว่าติดอยู่ในบ่วงของมาร.
               บทว่า อโยคกฺเขมิโน เป็นสัตว์ไม่มีความปลอดโปร่งจากกิเลส คือไม่บรรลุนิพพานอันเป็นแดนเกษมจากโยคะ คือจัญไร ๔.
               บทว่า สตฺตา คจฺฉนฺติ สํสารํ สัตว์ทั้งหลายต้องไปสู่สงสาร คือบุคคลเหล่านั้นแหละต้องท่องเที่ยวไปสู่สงสาร.
               เป็นอย่างไร.
               เพราะสัตว์เหล่านั้นต้องไปสู่ชาติและมรณะ ฉะนั้นจึงต้องท่องเที่ยวไป.
               บทว่า พุทฺธา คือ พระสัพพัญญูผู้ตรัสรู้อริยสัจ ๔ เป็นพหุวจนะด้วยสามารถทั่วไปใน ๓ กาล.
               บทว่า โลกสฺมึ คือ ในโอกาสโลก.
               บทว่า ปภงฺกรา สองแสงสว่าง คือทำโลกให้สว่างด้วยปัญญา.
               บทว่า อิมํ ธมฺมํ ปกาเสนฺติ พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงประกาศพระธรรม คือทรงแสดงธรรมละความวิปลาส.
               บทว่า ทุกฺขูปสมคามินํ อันให้ถึงความสงบระงับทุกข์ คือถึงนิพพานอันเป็นความสงบระงับทุกข์.
               บทว่า เตสํ สุตฺวาน คือ ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น.
               บทว่า สปฺปญฺญา ผู้มีปัญญา คือมีปัญญาอันเป็นความสมควร.
               บทว่า สจิตฺตํ ปจฺจลทฺธุ กลับได้ความคิด คือกลับได้ความคิดของตนเว้นความวิปลาส.
               ตัดบทเป็น ปฏิอลทฺธุ.
               อีกอย่างหนึ่ง ตัดบทเป็น ปฏิลภึสุ ปฏิอลทฺธุํ.
               บทว่า อนิจฺจโต ทกฺขุํ ได้เห็นโดยความเป็นสภาพไม่เที่ยง คือได้เห็นด้วยสามารถแห่งความเป็นสภาพไม่เที่ยงนั่นเอง.
               บทว่า อตฺตนิ อนตฺตา เห็นสภาพที่มิใข่ตัวตนโดยความเป็นสภาพมิใช่ตัวตน คือได้เห็นว่า ความไม่ใช่ตัวตนว่าเป็นความไม่ใช่ตัวตน.
               อีกอย่างหนึ่ง ได้เห็นสภาพมิใช่ตัวตนว่า ตัวตนไม่มีในวัตถุ.
               บทว่า สมฺมาทิฏฺฐิสมาทานา เป็นผู้ถือมั่นสัมมาทิฏฐิ คือถือความเห็นชอบ.
               บทว่า สพฺพทุกฺขํ อปจฺจคํ ล่วงพ้นทุกข์ทั้งปวง คือก้าวล่วงวัฏทุกข์ทั้งสิ้น.
               บทว่า ทิฏฺฐิสมฺปนฺนสฺส ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิแห่งคำถามละแล้ว และละทั่วแล้ว คือพระโสดาบัน.
               บทว่า ทุกฺเข สุขนฺติ สญฺญา อุปฺปชฺชติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ ความสำคัญ ความคิดในความทุกข์ว่า เป็นความสุขย่อมเกิดขึ้น คือเพียงความสำคัญ หรือเพียงความคิดย่อมเกิดขึ้น เพราะยังละความสะสมโมหกาลไม่ได้ ย่อมเกิดขึ้นแม้แก่พระอนาคามี ไม่ต้องพูดถึงแก่พระโสดาบัน.
               วิปลาสทั้งสองนี้ พระอรหันต์เท่านั้นจึงละได้.
               บทว่า อสุเภ สุภนฺติ สญฺญา อุปฺปชฺชติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ ความสำคัญ ความคิดในสภาพที่ไม่งามว่างามเกิดขึ้น คือเกิดขึ้นแม้แก่พระสกทาคามี ไม่ต้องพูดถึงแก่พระโสดาบัน.
               วิปลาสทั้งสองนี้ พระอนาคามีจึงละได้ ท่านกล่าวไว้ในอรรถกถาด้วยประการฉะนี้ เพราะฉะนั้น พึงทราบว่า ทั้งสองนี้ ท่านกล่าวหมายถึงพระโสดาบัน และพระสกทาคามี. เพราะพระอนาคามีละกามราคะได้แล้ว พึงทราบว่า ท่านกล่าวถึงการละความสำคัญผิด ความคิดผิดในสภาพไม่งามว่างาม.
               ด้วยบทว่า ทฺวีสุ วตฺถูสุ เป็นอาทิ ท่านแสดงสรุปถึงการละและการละทั่ว.
               ในบทนั้น เป็นอันละวิปลาส ๖ ในวัตถุ ๒ เหล่านี้ คือ ในสภาพไม่เที่ยงว่าเที่ยง ในสภาพมิใช่ตัวตนว่าตัวตน เป็นอันละทิฏฐิวิปลาส ๒ ในวัตถุ ๒ เหล่านี้ คือ ในสภาพเป็นทุกข์ว่าเป็นสุข ในสภาพไม่งามว่างาม.
               ในคัมภีร์บางคัมภีร์ท่านเขียน บทว่า เทฺว ก่อน. เขียนบทว่า ในภายหลัง.
               บทว่า จตูสุ วตฺถูสุ ท่านกล่าวทำวปลาส ๔ รวมเป็น ๑.
               บทว่า อฏฺฐ ได้แก่ วิปลาส ๖ ในวัตถุ ๒ วิปลาส ๒ ในวัตถุ ๒ รวมเป็นวิปลาส ๘.
               บทว่า จตฺตาโร คือ วิปลาส ๔ ได้แก่ สัญญาวิปลาสและจิตวิปลาสอย่างละ ๒ ในวัตถุหนึ่งๆ ในบรรดาวัตถุที่เป็นทุกข์และไม่งาม
               ในคัมภีร์บางคัมภีร์ท่านเขียนไว้อย่างนั้นเหมือนกัน แม้ในที่ที่ท่านกล่าวว่า ฉ ทฺวีสุ วิปลาส ๖ ในวัตถุ ๒ ดังนี้แล.

               จบอรรถกถาวิปัลลาสกถา               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค มหาวรรค ๘. วิปัลลาสกถา จบ.
อ่านอรรถกถา 31 / 0อ่านอรรถกถา 31 / 523อรรถกถา เล่มที่ 31 ข้อ 525อ่านอรรถกถา 31 / 527อ่านอรรถกถา 31 / 737
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=31&A=7274&Z=7310
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=48&A=4666
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=48&A=4666
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๑๓  สิงหาคม  พ.ศ.  ๒๕๕๐
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :