บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
แม้พระเถระรูปนี้ก็ได้บำเพ็ญบารมีมาแล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ทุกๆ พระองค์ สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ ท่านบังเกิดในตระกูลแห่งหนึ่งในพระนครหังสาวดี บรรลุนิติภาวะแล้ว ขณะที่ฟังธรรมในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้พบภิกษุรูปหนึ่งซึ่งพระศาสดาทรง จำเดิมแต่นั้น ท่านก็ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก ในกาลแห่งพระ ด้วยบุญกรรมอันนั้น ท่านจึงได้ท่องเที่ยวไปในสุคติหลายครั้งหลายหนทีเดียว ในพุท ในเวลาที่นันทกุมารได้เจริญวัยขึ้นแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศพระ ในวันที่ ๒ เสด็จเข้าไปบิณฑบาต ทรงยังพระชนกให้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผลด้วยพระคาถาเป็นต้นว่า อุตฺติฏฺเฐ นปฺปมชฺเชยฺย ดังนี้. แล้วเสด็จไปยังพระนิเวศน์ ทรงยังพระนางมหาปชาบดีให้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล และให้พระราชาดำรงอยู่ในสกทาคามิผล ด้วยพระคาถาเป็นต้นว่า ธมฺมํ จเร สุจริตํ ดังนี้. ในวันที่ ๓ เสด็จเข้าไปบิณฑบาต ในเมื่อวันอาวาหมงคลเป็นที่เสด็จเข้าไปยังพระราชนิเวศน์ เพื่อการอภิเษกของนันทกุมาร กำลังดำเนินไปอยู่. พระศาสดาทรงประทานบาตรในมือของนันทกุมารแล้ว ตรัสมงคลแล้ว ไม่รับบาตรจากมือของนันทกุมารนั้น เสด็จเข้าไปยังพระวิหาร ทรงให้นันทกุมารผู้ถือบาตรตามมายังวิหาร ผู้ไม่มีใจปรารถนาจะบวช ให้บวชแล้ว ทรงทราบว่า เธอถูกความไม่ยินดีเข้าบีบคั้น เพราะเหตุที่เธอบวชด้วยอาการอย่างนั้นนั่นแหละ จึงทรงบรรเทาความไม่ยินดียิ่งนั้นของเธอเสียด้วยอุบาย. เธอพิจารณาแล้วโดยแยบคาย เริ่มบำเพ็ญวิปัสสนา มิช้ามินานก็ได้บรรลุพระอรหัต. พอวันรุ่งขึ้น พระเถระจึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ข้าพระองค์พ้นจากข้อประกันที่จะรับนางอัปสร ๕๐๐ นางผู้มีเท้ามีสีแดงคล้ายเท้านกพิราบ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอบอกคืนข้อประกันนั้นกะพระผู้มีพระภาคเจ้า. แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสว่า ดูก่อนนันทะ ในกาลที่เธอไม่ยึดมั่น มีจิตหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลายได้ เราก็คุ้มครองรับรองว่า จะบอกคืนข้อประกันนั้น. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า พระนันทะมีทวารอันคุ้มครองแล้วใน ก็พระเถระคิดว่า เราอาศัยความไม่สำรวมอินทรีย์ จึงถึงซึ่งอาการอันแปลกๆ นี้ เราจักข่มอาการอันแปลกๆ นั้นให้ได้เป็นอย่างดี ดังนี้แล้วเกิดความอุตสาหะ มีความละอายและความเกรงกลัวต่อบาปเป็นกำลัง และได้บรรลุถึงบารมีอันสูงสุดในการสำรวมอินทรีย์ เพราะความที่ท่านได้สั่งสมบำเพ็ญมาในการสำรวมอินทรีย์นั้น. ครั้นท่านได้รับตำแหน่งอันเลิศนั้นอย่างนี้แล้ว จึงได้ระลึกถึงบุพกรรมของตน ได้รับความโสมนัส เมื่อจะประกาศอ้างถึงข้อประพฤติของพระ บทว่า วตฺถํ โขมํ มยา ทินฺนํ ความว่า ผ้าที่เกิดในแคว้นโขมะ คือเรามีจิตเลื่อมใส มีความเคารพนับถือมาก ในพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้น้อมถวายผ้าโขมะที่มีเนื้อละเอียดอ่อนยิ่งนัก. บทว่า สยมฺภุสฺส ความว่า พระองค์นั่นแลเป็นแล้ว เกิดแล้ว คือนิพพานแล้วโดยอริยชาติ. บทว่า มเหสิโน เชื่อมความว่า ชื่อว่ามเหสี เพราะอรรถว่าค้นหา แสวงหา กองศีล กองสมาธิ กองปัญญา กองวิมุตติและกองวิมุตติญาณทัสสนะอย่างใหญ่หลวงได้, เราได้ถวายผ้าโขมะเพื่อประโยชน์แก่การทำเป็นจีวรแด่พระสมัยภูผู้แสวงหากองแห่งสาระคุณอันใหญ่นั้นแล้ว. บทว่า ตํ ในบทว่า ตํ เม พุทฺโธ วิยากาสิ นี้เป็นทุติยาวิภัตติใช้ลงในอรรถแห่งฉัฏฐีวิภัตติ. อธิบายว่า พระพุทธเจ้าได้ทรงกระทำ คือตรัสแล้วโดยพิเศษ ถึงผลทานของเราผู้ถวายผ้านั้น. บทว่า ชลชุตฺตมนามโก ได้แก่ มีพระนามว่าปทุมุตตระ. ปาฐะว่า ชลรุตฺตมนายโก ดังนี้ก็มี, ความแห่งปาฐะนั้นว่า ผู้นำชั้นยอด คือประธานแห่งหมู่เทวดาและพรหมทั้งหลายผู้รุ่งเรือง. บทว่า อิมินา วตฺถทาเนน ความว่า ด้วยผลแห่งการถวายผ้านี้ ในอนาคตกาล เธอจักเป็นผู้มีวรรณะเพียงดังทองคำ. บทว่า เทฺว สมฺปตฺตึ อนุโภตฺวา ได้แก่ ได้เสวยสมบัติทั้งสอง คือทิพยสมบัติและมนุษยสมบัติ. บทว่า กุสลมูเลหิ โจทิโต ความว่า เป็นผู้อันส่วนแห่งกุศลตักเตือนแล้ว คือส่งไปแล้ว ได้แก่คล้ายๆ กับส่งไปว่า ด้วยบุญอันนี้ ขอเธอจงประสบกุศลในสำนักของพระศาสดาเถิด. เชื่อมความว่า ทรงพยากรณ์ว่า เธอจักได้เป็นพระกนิษฐภาดาของพระผู้มีพระภาคเจ้า บทว่า ราครตฺโต สุขสีโล ความว่า มีความกำหนัดเยื่อใยด้วยกิเลสกามทั้งหลาย มีการเสวยความสุขทางกายและความสุขทางจิตเป็นสภาพ. บทว่า กาเมสุ เคธมายุโต ความว่า ถูกตัณหา คือความกำหนัดในวัตถุกามทั้งหลาย ประกอบผูกพันไว้แล้ว. บทว่า พุทฺเธน โจทิโต สนฺโต ตทา ตฺวํ คือ เพราะกำหนัดแล้วในกามทั้งหลาย. เชื่อมความว่า ฉะนั้น เธอผู้ได้รับการตักเตือนจากพระโคดมพุทธเจ้า ผู้เป็นพระภาดาของตนแล้ว คือส่งเธอไปทางการบวช ก็จักได้บวชในสำนักของพระองค์. บทว่า ปพฺพชิตฺวาน ตฺวํ ตตฺถ ความว่า ในพระศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าโคดมนั้น เธอบวชแล้ว เป็นผู้มีกุศลมูลเป็นต้นเหตุ มีบุญสมภารตักเตือนแล้ว บำเพ็ญภาวนา กำหนดรู้ กำหนดละอาสวะทั้งปวงได้เด็ดขาด มีอนามัยดี ไม่มีทุกข์ จักนิพพานคือจักบรรลุถึงความที่มารมองไม่เห็น. อธิบายว่า จักถึงภาวะที่ไม่มีบัญญัติ. บทว่า สตกปฺปสหสฺสมฺหิ ความว่า ในกัปที่ ๑๐,๐๐๐ ในกาลก่อนแต่กัปนี้ไป ได้เป็นพระเจ้าจักร บทว่า สฏฺฐิกปฺปสตสหสฺสานิ ความว่า ก็ภายหลังล่วงไปได้ ๖ ล้านกัป ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ครั้งพระนามว่าอุปเจละ ในกัปหนึ่งๆ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิทุกๆ ๔ ชาติ. บทว่า ปญฺจกปฺปสหสฺสมฺหิ ความว่า ในกัปที่ ๕,๐๐๐ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ครั้ง พระนามว่าเจละ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้สมบูรณ์เพียบพร้อมด้วยรัตนะ ๗ ประการ ได้เป็นใหญ่เป็นประธาน ในทวีปทั้ง ๔ ทุกทวีป คือชมพู คำที่เหลือมีเนื้อความดังที่ได้กล่าวแล้วนั่นแล. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๒. สีหาสนิวรรค ๓. นันทเถราปทาน (๑๓) จบ. |