บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ว่าด้วยปฏิจจสมุปบาท ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายปุพพเสลิยะและมหิสาสกะทั้งหลายว่า ปฏิจจสมุปบาทเป็นอสังขตะ เพราะพระบาลีในนิทานวรรคว่า การอุบัติขึ้นแห่งพระตถาคตเจ้าก็ดี การไม่อุบัติก็ดี ชื่อว่าธัมมัฏฐิตตา คือความตั้งอยู่แห่งธรรม มีอยู่ ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. ปัญหาว่า อวิชชาเป็นสังขตะ เป็นต้น สกวาทีกล่าวเพื่อแสดงสภาวะปฏิจจสมุปบาทแห่งธรรมทั้งหลายมีอวิชชาเป็นต้นนั่นแหละ. ก็องค์หนึ่งๆ ในธรรมเหล่านั้น ท่านเรียกว่า ปฏิจจสมุปบาทมีอยู่ด้วยอรรถอันใด อรรถอันนั้นนั่นแหละท่านได้กล่าวไว้แล้วในปฏิจจสมุปปาทวิภังค์. คำว่า สังขารมีเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ดังนี้ สภาวะใดเป็นธัมมฐิติเป็นอาทิ สกวาทีกล่าวเพื่อทำลายอรรถแห่งลัทธิที่ปรวาทีนำมาตั้งไว้แล้วด้วยพระสูตรนั้นนั่นแหละ. ก็ในข้อนี้ พึงทราบเนื้อความว่า ธาตุใดเป็นสภาวะตั้งอยู่แล้วในก่อน ธาตุนั้นเทียว ท่านเรียกว่าเป็นธัมมฐิติ ธัมมนิยาม ธาตุนั้นเว้นจากอวิชชา เป็นตนมีอยู่ส่วนหนึ่งก็หาไม่ และคำว่า ธัมมฐิติ และธัมมนิยามนี้เป็นชื่อแห่งปัจจัยทั้งหลายมีอวิชชาเป็นต้นนั่นแหละ. จริงอยู่ เมื่อพระตถาคตทรงอุบัติแล้วก็ดี ยังมิได้ทรงอุบัติก็ดี สังขารทั้งหลายก็ย่อมเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ทั้งธรรมทั้งหลายมีวิญญาณเป็นต้นย่อมเกิดแต่ธรรมทั้งหลายมีสังขารเป็นต้น เพราะฉะนั้น ความตั้งอยู่อันใดเพราะอรรถว่าเป็นเหตุแห่งสังขารธรรมทั้งหลาย ในบทนี้ว่า อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา เป็นต้น เพราะเหตุนั้น ธรรมนั้นจึงชื่อว่าธัมมฐิติ. อนึ่ง ความที่ธรรมเหล่านั้นนั่นแหละเป็นนิยามเพราะอรรถว่าเป็นเหตุ ฉะนั้น ธรรมนั้นจึงชื่อว่า ธัมมนิยาม เพราะฉะนั้นธัมมฐิติก็ดี ธัมมนิยามก็ดี ท่านจึงเรียกว่าอวิชชา. สกวาทีถามว่า สภาวะนั้น คืออวิชชา เป็นอสังขตะ นิพพานก็เป็นอสังขตะหรือ? ปรวาทีตอบรับรองด้วยความสามารถแห่งลัทธิ. ถูกถามอีกว่า อสังขตะเป็น ๒ อย่างหรือ ปรวาทีตอบปฏิเสธเพราะไม่มีในพระสูตร แต่ตอบรับรองด้วยสามารถแห่งลัทธิ. แม้ในบทที่เหลือทั้งหลายก็นัยนี้นั่นแหละ. อนึ่ง ในที่นี้ บัณฑิตพึงทราบเช่นกับคำที่กล่าวไว้แล้วในหนหลังโดยนัยที่กล่าวแล้วนั่นแล. อรรถกถาปฏิจจสมุปปาทกถา จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๖ ปฏิจจสมุปปาทกถา จบ. |