บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ว่าด้วยฌานคั่น ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายสมิติยะและอันธกะทั้งหลายบางพวกว่า ผู้ไม่รู้โอกาส คือการปรากฏแห่งสมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจารในลัทธิปัญจกนัย ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวคำว่า ผัสสะคั่นมีอยู่หรือ เป็นต้น เพื่อท้วงด้วยคำว่า ฌานก็ดี เจตสิก ข้อว่า ฌานคั่นมีอยู่ในระหว่างทุติยฌานและตติยฌาน สกวาทีกล่าวเพื่อท้วงว่า ถ้าว่า ฌานคั่นพึงมีไซร้ ฌานทั้งหลายมีทุติยฌานและตติยฌานเป็นต้นนั่นแหละมีอยู่ อันฌานคั่นแห่งฌานเหล่านั้นก็พึงมีด้วย. ปรวาทีตอบปฏิเสธด้วย ตอบรับรองด้วย เพราะความไม่มีในลัทธิทั้งหมด. ถูกถามว่า ฌานคั่นในระหว่างปฐมฌานและทุติยฌาน ปรวาทีตอบรับรองด้วยสามารถแห่งลัทธิ. คำว่า วิตกวิจาร เป็นต้น สกวาทีกล่าวเพื่อท้วงด้วยคำว่า เมื่อความเป็นสมาธิแห่งสมาธิแม้ทั้ง ๓ มีอยู่ สมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่เพียงวิจารเท่านั้นเป็นฌานคั่น สมาธินอกจากนี้ไม่ใช่ไซร้ ก็เมื่อเป็นเช่นนี้อะไรเป็นเหตุแปลกกันในที่นี้. คำว่า ในระหว่างฌานทั้ง ๒ เกิดคล่องแคล่วสกวาทีถามหมายถึงปฐมฌานและทุติยฌาน. ปรวาทีตอบรับรองด้วยลัทธิว่า สมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจารในระหว่างแห่งฌานทั้ง ๒ เกิดคล่องแคล่วเหล่านั้น ชื่อว่าเป็นฌานคั่น. ถูกถามว่า ปฐมฌานดับแล้ว ทุติยฌานก็ยังไม่เกิดขึ้น ปรวาทีตอบรับรอง เพราะความเป็นไปในขณะหนึ่งแห่งฌานทั้ง ๓ ไม่ประกอบกัน. ปรวาทีถามด้วยความสามารถแห่งจตุกกนัยว่า สมาธิไม่มีวิตกมีแต่วิจารเป็นปฐมฌาน ฯลฯ เป็นทุติยฌาน ฯลฯ สกวาทีตอบปฏิเสธเพราะความไม่มีแห่งฌานนั้น ในนัยนั้น. ในคำนี้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสมาธิไว้ ๓ อย่าง มิใช่หรือ อธิบายว่า บรรดาสมาธิ ๓ นั้นๆ สมาธิ ๒ เป็นฌานอย่างเดียวไม่เป็นฌานคั่นฉันใด อันฌานแม้นี้นั่นแหละก็ไม่พึงเป็นฌานคั่นฉันนั้น ด้วยประการฉะนี้แล. อรรถกถาฌานันตริกกถา จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๑๘ ฌานันตริกกถา จบ. |