ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 37 / 1อ่านอรรถกถา 37 / 1750อรรถกถา เล่มที่ 37 ข้อ 1755อ่านอรรถกถา 37 / 1764อ่านอรรถกถา 37 / 1898
อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์
วรรคที่ ๑๘ ฌานันตริกกถา

               อรรถกถาฌานันตริกกถา               
               ว่าด้วยฌานคั่น               
               บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องฌานคั่น.
               ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายสมิติยะและอันธกะทั้งหลายบางพวกว่า ผู้ไม่รู้โอกาส คือการปรากฏแห่งสมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจารในลัทธิปัญจกนัย ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงจำแนกฌาน ๕ อย่าง สมาธิทั้งสิ้นทรงยกขึ้นแสดงไว้ ๓ อย่าง ข้อนี้ชื่อว่าฌานคั่นในระหว่างฌานที่ ๑ และฌานที่ ๒ ดังนี้.
               คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที.
               ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวคำว่า ผัสสะคั่นมีอยู่หรือ เป็นต้น เพื่อท้วงด้วยคำว่า ฌานก็ดี เจตสิกธรรมทั้งหลายมีผัสสะเป็นต้นก็ดี มีอยู่ เพราะฉะนั้น ถ้าว่าฌานคั่นพึงมีไซร้ ผัสสะคั่นเป็นต้นก็ต้องมี ดังนี้.
               ข้อว่า ฌานคั่นมีอยู่ในระหว่างทุติยฌานและตติยฌาน สกวาทีกล่าวเพื่อท้วงว่า ถ้าว่า ฌานคั่นพึงมีไซร้ ฌานทั้งหลายมีทุติยฌานและตติยฌานเป็นต้นนั่นแหละมีอยู่ อันฌานคั่นแห่งฌานเหล่านั้นก็พึงมีด้วย.
               ปรวาทีตอบปฏิเสธด้วย ตอบรับรองด้วย เพราะความไม่มีในลัทธิทั้งหมด.
               ถูกถามว่า ฌานคั่นในระหว่างปฐมฌานและทุติยฌาน ปรวาทีตอบรับรองด้วยสามารถแห่งลัทธิ.
               คำว่า วิตกวิจาร เป็นต้น สกวาทีกล่าวเพื่อท้วงด้วยคำว่า เมื่อความเป็นสมาธิแห่งสมาธิแม้ทั้ง ๓ มีอยู่ สมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่เพียงวิจารเท่านั้นเป็นฌานคั่น สมาธินอกจากนี้ไม่ใช่ไซร้ ก็เมื่อเป็นเช่นนี้อะไรเป็นเหตุแปลกกันในที่นี้.
               คำว่า ในระหว่างฌานทั้ง ๒ เกิดคล่องแคล่วสกวาทีถามหมายถึงปฐมฌานและทุติยฌาน. ปรวาทีตอบรับรองด้วยลัทธิว่า สมาธิที่ไม่มีวิตกมีแต่วิจารในระหว่างแห่งฌานทั้ง ๒ เกิดคล่องแคล่วเหล่านั้น ชื่อว่าเป็นฌานคั่น.
               ถูกถามว่า ปฐมฌานดับแล้ว ทุติยฌานก็ยังไม่เกิดขึ้น ปรวาทีตอบรับรอง เพราะความเป็นไปในขณะหนึ่งแห่งฌานทั้ง ๓ ไม่ประกอบกัน.
               ปรวาทีถามด้วยความสามารถแห่งจตุกกนัยว่า สมาธิไม่มีวิตกมีแต่วิจารเป็นปฐมฌาน ฯลฯ เป็นทุติยฌาน ฯลฯ สกวาทีตอบปฏิเสธเพราะความไม่มีแห่งฌานนั้น ในนัยนั้น.
               ในคำนี้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสมาธิไว้ ๓ อย่าง มิใช่หรือ อธิบายว่า บรรดาสมาธิ ๓ นั้นๆ สมาธิ ๒ เป็นฌานอย่างเดียวไม่เป็นฌานคั่นฉันใด อันฌานแม้นี้นั่นแหละก็ไม่พึงเป็นฌานคั่นฉันนั้น ด้วยประการฉะนี้แล.

               อรรถกถาฌานันตริกกถา จบ.               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๑๘ ฌานันตริกกถา จบ.
อ่านอรรถกถา 37 / 1อ่านอรรถกถา 37 / 1750อรรถกถา เล่มที่ 37 ข้อ 1755อ่านอรรถกถา 37 / 1764อ่านอรรถกถา 37 / 1898
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=37&A=18424&Z=18501
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=55&A=6777
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=55&A=6777
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๙  เมษายน  พ.ศ.  ๒๕๕๗
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :