ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 37 / 1อ่านอรรถกถา 37 / 1764อรรถกถา เล่มที่ 37 ข้อ 1767อ่านอรรถกถา 37 / 1771อ่านอรรถกถา 37 / 1898
อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์
วรรคที่ ๑๘ จักขุนา รูปัง ปัสสตีติกถา

               อรรถกถาจักขุนา รูปัง ปัสสตีติกถา               
               ว่าด้วยเห็นรูปด้วยจักษุ               
               บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องเห็นรูปด้วยจักษุ.
               ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายมหาสังฆิกะทั้งหลายว่า จักขุประสาทเท่านั้นย่อมเห็นรูป เพราะอาศัยพระพุทธพจน์ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้เห็นรูปด้วยจักษุ ดังนี้.
               คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที.
               ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวคำว่า เห็นรูปด้วยรูปหรือ เป็นต้น เพื่อท้วงด้วยคำว่า ถ้าว่า บุคคลพึงเห็นรูปด้วยจักษุไซร้ บุคคลก็พึงเห็นรูปด้วยรูป ดังนี้. ปรวาทีตอบปฏิเสธ หมายเอารูปายตนะ คือมีรูปเป็นอารมณ์ ถูกถามซ้ำอีกก็ตอบรับรองหมายเอาจักขุนั่นแหละ.
               คำว่า เห็น ในคำว่า รับรู้รูป นี้ อธิบายว่า พวกเราย่อมถามโดยหมายถึงการรู้เฉพาะ มิใช่ถามซึ่งสักว่าการเข้าไปอาศัยจักษุเห็น เหตุใด เพราะเหตุนั้น จึงถามว่า ผู้มีจักษุย่อมเห็นรูปด้วยรูปตามลัทธิของท่านหรือ?
               ปรวาทีตอบปฏิเสธด้วย ตอบรับรองด้วย โดยนัยก่อนนั่นแหละ.
               ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวว่า รูปเป็นมโนวิญญาณหรือ ดังนี้ เพื่อท้วงด้วยคำว่า ครั้นเมื่อความเป็นเช่นนั้นมีอยู่ รูปก็เป็นมโนวิญญาณ เพราะว่า มโนวิญญาณนั้นชื่อว่าย่อมรับรู้ ดังนี้ ปรวาทีเมื่อไม่ได้เลสนัย คือข้ออ้างเล็กๆ น้อยๆ จึงตอบปฏิเสธทั้งสิ้น.
               คำว่า ความนึก...ของจักษุมีอยู่เป็นต้น ความว่า สกวาทีย่อมถามเพื่อท้วงด้วยคำว่า ถ้าว่า จักษุย่อมเห็นเพราะอรรถว่าการรู้ไซร้ ความนึกคืออาวัชชนะของจักษุนั้นก็พึงเป็นดุจอาวัชชนะของจักขุวิญญาณ ดังนี้. ปรวาทีตอบปฏิเสธว่า ไม่พึงกล่าวเช่นนั้น เพราะว่า จักขวายตนะไม่นับเนื่องด้วยการนึก แต่ว่าย่อมเกิดขึ้นในระหว่างแห่งการนึก.
               แม้ในคำว่า บุคคลฟังเสียงด้วยโสตะเป็นต้น ก็นัยนี้.
               พระสูตรว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้เห็นรูปด้วยจักษุ ดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วโดยนัยแห่งสสัมภารกถา คือโดยนัยแห่งถ้อยคำเป็นเครื่องกำหนด.
               ว่า เหมือนอย่างว่า แม้บุคคลยิงด้วยลูกธนู เขาก็เรียกกันว่า ยิงด้วยธนู ฉันใด บุคคลแม้เมื่อเห็นด้วยจักขุวิญญาณ เขาก็เรียกว่าเห็นด้วยจักษุ ฉันนั้น เพราะฉะนั้น พระสูตรนี้จึงมิใช่ข้อพิสูจน์ว่าเห็นรูปด้วยตา.
               แม้ในคำที่เหลือทั้งหลายก็นัยนี้นั่นแหละ ดังนี้แล.
               อรรถกถาจักขุนารูปังปัสสตีติกถา จบ.               

               รวมกถาที่มีในวรรคนี้คือ
                         ๑. มนุสโลกกถา
                         ๒. ธัมมเทสนากถา
                         ๓. กรุณากถา
                         ๔. คันธชาติกถา
                         ๕. เอกมัคคกถา
                         ๖. ฌานสังกันติกถา
                         ๗. ฌานันตริกกถา
                         ๘. สมาปันโน สัททัง สุณาตีติกถา
                         ๙. จักขุนารูปัง ปัสสตีติกถา.

               วรรคที่ ๑๘ จบ.               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๑๘ จักขุนา รูปัง ปัสสตีติกถา จบ.
อ่านอรรถกถา 37 / 1อ่านอรรถกถา 37 / 1764อรรถกถา เล่มที่ 37 ข้อ 1767อ่านอรรถกถา 37 / 1771อ่านอรรถกถา 37 / 1898
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=37&A=18553&Z=18607
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=55&A=6816
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=55&A=6816
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๙  เมษายน  พ.ศ.  ๒๕๕๗
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :