บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ว่าด้วยฤทธิ์ ในเรื่องนั้น ชื่อว่าฤทธิ์นี้ย่อมให้สำเร็จในบางอย่าง ย่อมไม่ให้สำเร็จในบางอย่าง. การสันนิษฐานในลัทธิของสกวาทีว่า ฤทธิ์ย่อมไม่สำเร็จในการทำซึ่งธรรมทั้งหลายที่ไม่เที่ยงเป็นต้นให้เป็นของเที่ยงเป็นต้นอย่างเดียวเท่านั้น ก็แต่ว่าฤทธิ์นั้นบุคคลย่อมทำเพื่อประโยชน์แก่ชนเหล่าใด โดยเปลี่ยนแปลงความสืบต่อคืออายุที่เสมอกัน ทำให้ไม่เสมอกัน หรือทำให้ความเป็นไปได้นานกว่ากัน ด้วยสามารถแห่งความสืบต่ออายุที่มีส่วนเสมอกันได้ และย่อมให้สำเร็จได้บางอย่าง เพราะอาศัยเหตุทั้งหลายมีบุญเป็นต้นของบุคคลเหล่านั้น ดุจการทำน้ำที่ควรดื่มให้เป็นเนยใสเป็นน้ำนมเป็นต้น เพื่อประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลายและดุจในการสืบต่อตั้งอยู่สิ้นกาลนานของประทีปเป็นต้น ณ ที่เป็นที่ฝังไว้ซึ่งมหาธาตุด้วย ดังนี้. ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายอันธกะทั้งหลายว่า ฤทธิ์ให้ความสำเร็จตามความประสงค์ หมายความว่าสำเร็จทุกอย่าง เพราะอาศัยพระสูตรที่กล่าวไว้ว่า ท่านพระปิลินทวัจฉะได้อธิษฐานปราสาทของพระเจ้าแผ่นดินมคธ...จงเป็นปราสาททอง ดังนี้. คำถามของสกวาทีว่า ฤทธิ์เป็นเหตุสำเร็จความประสงค์...มีอยู่หรือ หมายถึงชนเหล่านั้น. ในคำเหล่านั้น คำว่า ฤทธิ์เป็นเหตุสำเร็จความประสงค์ ได้แก่ ฤทธิ์ที่ทำให้สมความปรารถนา หมายความว่าให้สำเร็จตามที่ต้องการ. คำว่า อามันตา เป็นคำปฏิญญาของปรวาทีเพื่อตั้งลัทธิไว้. ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวคำว่า ต้นไม้จงมีใบเป็นนิตย์ ดังนี้ เพื่อประกอบความที่ธรรมทั้งหลายมีความไม่เที่ยงเป็นต้นว่าเป็นของเที่ยงเป็นต้น. คำที่เหลือในที่นี้มีอรรถตื้นทั้งนั้นแล. แม้ในการให้ลัทธิตั้งไว้ด้วยพระสูตรว่า ปราสาทนั้นก็ได้เป็นทองแล้ว ดังนี้. อธิบายว่า ปราสาทนั้นได้เป็นทองด้วยอุปนิสัยแห่งบุญของพระราชา มิใช่ด้วยความปรารถนาของพระเถระอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น พระสูตรนี้จึงมิใช่ข้อนำมาพิสูจน์ว่า ฤทธิ์ให้ความสำเร็จได้ทั้งหมด ดังนี้แล. อรรถกถาอิทธิกถา จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๒๑ อิทธิกถา จบ. |