บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ว่าด้วยธรรมทั้งปวงเป็นไปชั่วขณะ ในปัญหานั้น สังขตธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง เพราะฉะนั้น สังขตธรรมเหล่านั้นจึงเป็นไปชั่วขณะจิตหนึ่งเท่านั้น. ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายปุพพเสลิยะและอปรเสลิยะทั้งหลายว่า ก็เมื่อความไม่เที่ยง มีอยู่ ธรรมอย่างหนึ่งแตกดับไปเร็ว ธรรมอย่างหนึ่งแตกดับไปช้า ดังนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อะไรเล่าเป็นสภาพแตกต่างกันในที่นี้ ดังนี้. คำถามของสกวาทีว่า ธรรมทั้งปวงเป็นไปในขณะแห่งจิตอันหนึ่งหรือ ดังนี้ หมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. ในคำทั้งหลายมีคำเป็นต้นว่า มหาปฐพี...ล้วนดำรงอยู่ในจิตหรือ ปรวาทีเมื่อไม่เห็นการดำรงอยู่แห่งมหาปฐพีเป็นต้นเหล่านั้น ฉะนั้น จึงตอบปฏิเสธ. คำว่า จักขวายตนะ เป็นต้น สกวาทีกล่าวเพื่อท้วงว่า ผิว่า ธรรมทั้งปวงพึงมีชั่วขณะจิตเดียวไซร้ อายตนะทั้งหลายมีจักขวายตนะเป็นต้นเกิดขึ้นแล้ว ก็พึงดับไปพร้อมกับวิญญาณทั้งหลาย มีจักขุวิญญาณเป็นต้นได้นะสิ. แต่ปรวาทีตอบปฏิเสธ หมายเอาความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณของสัตว์ผู้เกิดในท้องมารดา. ย่อมตอบรับรอง หมายเอาความเป็นไปคือปวัตติกาล ด้วยสามารถแห่งลัทธินั่นแหละ. คำที่เหลือในที่นี้มีอรรถตื้นทั้งนั้นแล. คำว่า ถ้าอย่างนั้น ธรรมทั้งปวงก็เป็นไปชั่วขณะจิตหนึ่ง ดังนี้. อธิบายว่า ปรวาทีย่อมกล่าวการกระทำตามความชอบใจของตนว่า ธรรมทั้งหลายชื่อว่าเป็นของเที่ยงไม่มี ฉะนั้น ธรรมเหล่านั้นจึงเป็นไปในขณะแห่งจิตอันหนึ่ง ดังนี้. คำนั้นไม่เป็นเช่นกับคำที่ปรวาทีนั้นกล่าวแล้วแล. รวมกถาที่มีในวรรคนี้คือ ๑. ปรินิพพานกถา ๒. กุสลจิตตกถา ๓. อาเนญชกถา ๔. ธัมมาภิสมยกถา ๕. ติสโสปิกถา ๖. อัพยากตกถา ๗. อาเสวนปัจจัยตากถา ๘. ขณิกกถา. วรรคที่ ๒๒ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๒๒ ขณิกกถา จบ. |