บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ว่าด้วยบุคคลที่ ๘๑- ๑- ในคัมภีร์นี้ ท่านลำดับพระอริยบุคคลอย่างนี้ คือ บุคคลผู้ตั้งอยู่ในอรหัตตผล เป็นที่ ๑ บุคคลผู้ตั้งอยู่ในอรหัตตมรรค เป็นที่ ๒ บุคคลผู้ตั้งอยู่ในอนาคามิผล เป็นที่ ๓ ฯลฯ บุคคลผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรค เป็นที่ ๘. บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องบุคคลที่ ๘ คือพระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรค. ในเรื่องนั้น ลัทธิแห่งชนเหล่าใดดุจลัทธิของนิกายอันธกะ และสมิติยะทั้งหลายในขณะนี้ว่า บุคคลผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรคซึ่งเป็นบุคคลที่ ๘ ละปริยุฏฐานกิเลสทั้ง ๒ แล้ว คือทิฏฐิและวิจิกิจฉา เพราะไม่มีกิเลสทั้งหลายเกิดขึ้นในขณะแห่งอนุโลม โคตรภูและมรรค ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายชนพวกใดพวกหนึ่งเหล่านั้น คำตอบรับรองของปรวาที หมายเอาความไม่เกิดขึ้นแห่งทิฏฐิ จำเดิมแต่ขณะแห่งมรรค. ธรรมดาว่า ทิฏฐินี้ พระโสดาบันเป็นผู้ละแล้ว มิใช่บุคคลที่ ๘ เหตุในเพราะเหตุนั้น ลำดับนั้น สกวาทีจึงซักว่า บุคคลที่ ๘ เป็นพระโสดาบันหรือ ดังนี้เป็นต้น. แม้ในปัญหาว่าด้วย วิจิกิจฉา ก็นัยนี้นั่นแหละ. ในปัญหาว่าด้วย อนุสัย ลัทธิท่านว่า อนุสัยเป็นอย่างอื่นนอกจากปริยุฎฐาน เพราะฉะนั้น จึงตอบปฏิเสธว่า ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น. ในปัญหาว่าด้วย สีลัพพตปรามาส ปรวาทีไม่เห็นโวหารว่า สีลัพพตปรามาสเป็นปริยุฏฐาน จึงตอบปฏิเสธ. ลัทธิว่า บุคคลที่ ๘ ละปริยุฏฐานได้แล้วเท่านั้น. ในปัญหาว่า บุคคลที่ ๘ ยังมรรคให้เกิดแล้ว ความว่า ในขณะนั้นกำลังเจริญมรรค มิใช่เจริญเสร็จแล้ว เพราะฉะนั้นท่านจึงตอบปฏิเสธ. ในคำซักถามว่า ละได้แล้วด้วยธรรมที่มิใช่มรรค เป็นต้น ปรวาทีตอบปฏิเสธ หมายเอาความที่กิเลสเหล่านั้นท่านละได้แล้วด้วยมรรคที่ ๑ นั่นแหละ. ลัทธิของท่านว่า ก็ถ้าว่าบุคคลพึงละกิเลสด้วยธรรมที่มิใช่มรรคได้ไซร้ บุคคลแม้ผู้โคตรภูบุคคลเป็นต้น ก็พึงละกิเลสได้ คำถามของปรวาทีว่า เครื่องกลุ้มรุม คือทิฏฐิยังจักเกิดขึ้นหรือ คำวิสัชชนาเป็นของสกวาที. คำที่เหลือในที่ทั้งปวงมีอรรถง่ายทั้งนั้นแล. อรรถกถาอัฏฐมกกถา จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๓ อัฏฐมกกถา จบ. |