บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ว่าด้วยอนาสวะ ____________________________ ๑- คำว่า "อาสวะ" คือกิเลสเป็นเครื่องมักดองอยู่ในสันดานของสัตว์ มี ๔ คือ ๑. กามาสวะ ๒. ภวาสวะ ๓. ทิฏฐาสวะ ๔. อวิชชาสวะ. คำว่า "ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ" ได้แก่ โลกุตตรจิต ๘ เจตสิก ๓๖ นิพพาน. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายอุตตราปถกะทั้งหลาย ในขณะนี้ว่า ธรรมเหล่าใดของพระอรหันต์ผู้ไม่มีอาสวะ ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะดังนี้. สกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น จึงถามว่า ธรรมทั้งปวงของพระอรหันต์ เป็นต้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. ลำดับนั้น สกวาที เพื่อท้วงว่า ธรรมทั้งหลายมีมรรคเป็นต้น ชื่อว่าไม่มีอาสวะ มีอยู่ ธรรมเหล่านั้นเท่านั้นย่อมเกิดแก่พระอรหันต์หรือ? จึงเริ่มคำว่า ธรรมทั้งปวงเป็นมรรค เป็นผล เป็นต้น. ถูกสกวาทีถามว่า จักขุของพระอรหันต์ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะหรือ ปรวาทีตอบปฏิเสธ เพราะความที่จักษุนั้นเป็นอารมณ์ของอาสวะ. ถูกถามครั้งที่ ๒ ปรวาทีตอบรับรองว่า จักขุของพระอรหันต์ไม่เป็นอาสวะแต่เป็นอารมณ์ของอาสวะ. ในปัญหาว่าด้วยการให้จีวร ปรวาทีตอบปฏิเสธ เพราะกลัวผิดจากลักษณะแห่งปัญหานี้ว่า ธรรมอย่างหนึ่งเที่ยวไม่เป็นอาสวะ แต่เป็นอารมณ์ของอาสวะ. ถูกถามครั้งที่ ๒ ปรวาทีตอบรับรองว่า จีวรของพระอรหันต์ไม่เป็นอาสวะ แต่เป็นอารมณ์ของอาสวะได้ แม้ใน ๒ ปัญหาว่า ของที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะอันนั้น ก็นัยนี้นั่นแหละ. แต่สกวาทีย่อมท้วงเพราะการรับรองของปรวาทีในคำว่า ของที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะอันนั้น ด้วยคำเป็นต้นว่า มรรคไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ แล้วเป็นอารมณ์ของอาสวะหรือ. พึงทราบเนื้อความในที่ทั้งปวงโดยอุบายนี้แล. อรรถกถาอนาสวกถา จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๔ อนาสวกถา จบ. |