ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 

อ่านชาดก 270000อ่านชาดก 270012อรรถกถาชาดก 270013
เล่มที่ 27 ข้อ 13อ่านชาดก 270014อ่านชาดก 272519
อรรถกถา กัณฑินชาดก
ว่าด้วย ผู้ตกอยู่ในอำนาจหญิง
               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุถูกภรรยาเก่าประเล้าประโลม จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ธิรตฺถุ กณฺฑินํ สลฺลํ ดังนี้.
               การประเล้าประโลมนั้น จักมีแจ้งใน อินทริยชาดก อัฏฐกนิบาต.
               ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระดำรัสนี้กะภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ แม้ในกาลก่อน เธออาศัยมาตุคามนี้ ถึงความสิ้นชีวิต ร้องเรียกอยู่ที่พื้นถ่านเพลิง อันปราศจากเปลว.
               ภิกษุทั้งหลายทูลอ้อนวอนพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อทรงประกาศเรื่องนั้นให้แจ่มแจ้ง
               พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงกระทำเหตุ อันระหว่างภพปกปิด ให้ปรากฏแล้ว.
               ก็เบื้องหน้าแต่นี้ไป เราจักไม่กล่าวถึง การที่ภิกษุทั้งหลายทูลอ้อนวอน และความที่เหตุถูกระหว่างภพปกปิด จักกล่าวเฉพาะคำมีประมาณเท่านี้ว่า อตีตํ อาหริ แปลว่า ทรงนำอดีตนิทานมาว่าดังนี้ เท่านั้น.
               แม้เมื่อกล่าวคำมีประมาณเท่านี้ ก็พึงประกอบเหตุการณ์นี้ทั้งหมด คือการทูลอาราธนา การเปรียบเทียบเหมือนนำพระจันทร์ออกจากกลุ่มเมฆ และความที่เหตุถูกระหว่างภพปกปิดไว้ โดยนัยดังกล่าวไว้ในหนหลังนั่นแหละ แล้วพึงทราบไว้.
               ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้ามคธครองราชสมบัติอยู่ในพระนครราชคฤห์ แคว้นมคธ. ในสมัยข้าวกล้าของชนชาวมคธ พวกเนื้อทั้งหลายมีอันตรายมาก เนื้อเหล่านั้นจึงเข้าไปยังเนินเขา. เนื้อภูเขาที่อยู่ในป่าตัวหนึ่ง ทำความสนิทสนมกับลูกเนื้อตัวเมียชาวบ้านตัวหนึ่ง ในเวลาที่พวกเนื้อเหล่านั้นลงจากเชิงเขา กลับมายังชายแดนบ้านอีก ได้ลงมากับเนื้อเหล่านั้นนั่นแหละ เพราะมีจิตปฏิพัทธ์ในลูกเนื้อตัวเมียนั้น.
               ลำดับนั้น ลูกเนื้อตัวเมียนั้น จึงกล่าวกะเนื้อภูเขานั้นว่า ข้าแต่เจ้า ท่านแลเป็นเนื้อภูเขาที่เขลา. ก็ธรรมดา ชายแดนของบ้าน น่าระแวง มีภัยเฉพาะหน้า ท่านอย่าลงมากับพวกเราเลย. เนื้อภูเขานั้นไม่กลับเพราะมีจิตปฏิพัทธ์ต่อลูกเนื้อตัวเมียนั้น ได้มากับลูกเนื้อตัวเมียนั้น นั่นแหละ. ชนชาวมคธรู้ว่า บัดนี้ เป็นเวลาที่พวกเนื้อลงจากเนินเขา จึงยืนในซุ้มอันมิดชิดใกล้หนทาง ในหนทางที่เนื้อทั้งสองแม้นั้นเดินมา มีพรานคนหนึ่งยืนอยู่ในซุ้มอันมิดชิด.
               ลูกเนื้อตัวเมียได้กลิ่นมนุษย์ จึงคิดว่า จักมีพรานคนหนึ่งยืนอยู่ จึงทำเนื้อเขลาตัวนั้น ให้อยู่ข้างหน้า ส่วนตนเองอยู่ข้างหลัง. นายพรานได้ทำเนื้อตัวนั้นให้ล้มลงตรงนั้นนั่นเอง ด้วยการยิงด้วยลูกศรครั้งเดียว เท่านั้น. ลูกเนื้อตัวเมียรู้ว่า เนื้อนั้นถูกยิง จึงโดดหนีไปโดยการไป ด้วยกำลังเร็วปานลม. นายพรานออกจากซุ้มชำแหละเนื้อก่อไฟ ปิ้งเนื้ออร่อยบนถ่านไฟอันปราศจากเปลว เคี้ยวกินแล้วดื่มนํ้า หาบเนื้อที่เหลือไปด้วยไม้คานมีหยาดเลือดไหล ได้ไปยังเรือน ให้พวกเด็กๆ ยินดีแล้ว.
               ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นเทวดาอยู่ในป่าชัฏแห่งนั้น พระโพธิสัตว์นั้นเห็นเหตุการณ์นั้น จึงคิดว่า เนื้อโง่ตัวนี้ตาย เพราะอาศัยมารดา เพราะอาศัยบิดาก็หาไม่ โดยที่แท้ตายเพราะอาศัยกาม.
               จริงอยู่ เพราะกามเป็นนิมิตเหตุ สัตว์ทั้งหลายจึงถึงทุกข์นานัปการ มีการตัดมือเป็นต้นในสุคติ และการจองจำ ๕ ประการเป็นต้นในทุคติ ชื่อว่าการทำทุกข์ คือความตายให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่น ก็ถูกติเตียนในโลกนี้. แม้ชนบทใด มีสตรีเป็นผู้นำจัดแจงปกครอง ก็ถูกติเตียน. เหล่าสัตว์ผู้ตกอยู่ในอำนาจของมาตุคาม ก็ถูกติเตียนเหมือนกัน. แล้วแสดงเรื่องสำหรับติเตียน ๓ ประการด้วยคาถา ๑ คาถา. เมื่อเทวดาทั้งหลายในป่า ให้สาธุการ แล้วบูชาด้วยของหอม และดอกไม้เป็นต้น.
               เมื่อจะยังไพรสณฑ์นั้น ให้บันลือขึ้นด้วยเสียงอันไพเราะ จึงแสดงธรรมด้วยคาถานี้ว่า
               เราติเตียนบุรุษผู้มีลูกศรเป็นอาวุธ ผู้ยิงไปเต็มกำลัง. เราติเตียนชนบทที่มีหญิงเป็นผู้นำ. อนึ่ง สัตว์เหล่าใดตกอยู่ในอำนาจของหญิงทั้งหลาย สัตว์เหล่านั้น บัณฑิตก็ติเตียนแล้วเหมือนกัน.


               ศัพท์ว่า ธิรตฺถุ ในคาถานั้น เป็นศัพท์นิบาต ใช้ในความหมายว่า ติเตียน. ในที่นี้ ศัพท์ว่า ธิรัตถุ นี้นั้น พึงเห็นว่าใช้ในการติเตียน ด้วยอำนาจความสะดุ้งและความหวาดเสียว.
               จริงอยู่ พระโพธิสัตว์เป็นผู้ทั้งสะดุ้งและหวาดเสียว จึงกล่าวอย่างนั้น. คนที่ชื่อว่า กัณฑี เพราะมีลูกศร. ซึ่งคนผู้มีลูกศรนั้น ก็ลูกศรนั้นเขาเรียกว่า สัลละ เพราะอรรถว่าเสียบเข้าไป เพราะฉะนั้น ในคำว่า กณฺฑินํ สลฺลํ นี้ จึงมีความหมายว่า ผู้มีลูกศร.
               อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าผู้มีสัลละ เพราะมีลูกศร. ผู้มีลูกศรนั้น ชื่อว่าคาฬหเวธี ผู้ยิงไปเต็มแรง เพราะเมื่อจะให้การประหารอย่างแรง จึงยิงอย่างเต็มที่ โดยกระทำให้มีปากแผลใหญ่ ผู้ยิงไปอย่างเต็มที่นั้น. ในข้อนี้มีอธิบายดังนี้ว่า เราติเตียนคนผู้ประกอบด้วยอาวุธมีประการต่างๆ ชื่อว่า สัลละ ลูกศร เพราะวิ่งไปตรงๆ โดยมีสันฐานดังใบโกมุทเป็นผล ผู้ยิงไปอย่างเต็มแรง.
               บทว่า ปริณายิกา ได้แก่ เป็นใหญ่ คือเป็นผู้จัดแจง.
               บทว่า ธิกฺกิตา แปลว่า ติเตียนแล้ว. คำที่เหลือในคาถานี้ง่ายทั้งนั้น. ก็เบื้องหน้าแต่นี้ไป ข้าพเจ้าจักไม่กล่าวคำแม้มีประมาณเท่านี้ จักพรรณนาคำที่ไม่ง่ายนั้นๆ เท่านั้น.
               พระโพธิสัตว์ ครั้นแสดงเรื่องสำหรับติเตียน ๓ ประการ ด้วยคาถาเดียวอย่างนี้แล้ว ทำป่าให้บันลือขึ้นแล้ว แสดงธรรมด้วยการเยื้องกรายดังพระพุทธเจ้า.
               พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะทั้งหลาย
               ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้กระสันจะสึก ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล. พระศาสดาตรัสเรื่อง ๒ เรื่อง สืบต่ออนุสนธิกันแล้ว ทรงประชุมชาดก.
               ก็เบื้องหน้าแต่นี้ไป ข้าพเจ้าจะไม่กล่าวคำว่า ตรัสเรื่องสองเรื่องนี้ จะกล่าวเฉพาะคำมีประมาณเท่านี้ว่า ทรงสืบต่ออนุสนธิ. ก็คำนี้แม้จะไม่กล่าวไว้ ก็พึงประกอบถือเอา โดยนัยดังกล่าวไว้ในหนหลัง นั่นแล.
               เนื้อภูเขาในครั้งนั้น ได้เป็น ภิกษุผู้กระสันจะสึก ในบัดนี้
               ลูกเนื้อตัวเมียในครั้งนั้น ได้เป็น ภรรยาเก่า ในบัดนี้
               ส่วนเทวดาผู้เห็นโทษในกามทั้งหลายในครั้งนั้น ได้เป็น เรา แล.
               จบอรรถกถากัณฑินชาดกที่ ๓               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา กัณฑินชาดก จบ.
อ่านชาดก 270000อ่านชาดก 270012อรรถกถาชาดก 270013
เล่มที่ 27 ข้อ 13อ่านชาดก 270014อ่านชาดก 272519
อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=85&Z=90
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด พระไตรปิฎกฉบับธรรมทาน
บันทึก  ๓๑  ตุลาคม  พ.ศ.  ๒๕๔๖
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]