บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ความย่อมีว่า ในวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายประชุมสนทนากันปรารภพระปัญญาของพระตถาคต ในโรงธรรมว่า อาวุโสทั้งหลาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระปัญญามาก มีพระปัญญาลึกซึ้ง มีพระปัญญาแจ่มใส มีพระปัญญาว่องไว มีพระปัญญาแหลม มีพระปัญญาชำแรกกิเลส ทรงประกอบด้วยพระปัญญาเฉลียวฉลาด. พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนตถาคตก็มีปัญญาฉลาดในอุบายเหมือนกัน. แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า. ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิ ครั้นต่อมา พระราชาทรงเชื่อคำของผู้ยุแหย่ ทรงพิโรธขับพระโพธิสัตว์ออกจาก ชนทั้งหลายพูดถึงแม่น้ำที่เต็มแล้วว่า การดื่มกินได้ก็ดี พูดถึงข้าวกล้าที่เกิดแล้วว่า กาซ่อนอยู่ได้ก็ดี พูดถึงคนที่รักกันไปสู่ที่ไกลว่า จะกลับมาถึงเพราะกาบอกข่าวก็ดี กานั้นเรานำมาให้ท่านแล้ว ขอเชิญบริโภคเนื้อกานั้นเถิด ท่านพราหมณ์. ในบทเหล่านั้น บทว่า ปุณฺณํ นทึ เยน จ เปยฺยมาหุ ความว่า ชนทั้ง คำว่า ยวํ ในบทว่า ชาตํ ยวํ เยว จ คุยฺหมาหุ เป็นเพียงเทศนา แต่ในที่นี้หมายเอาข้าวกล้าอ่อนที่เกิดงอกงามสมบูรณ์ทุกชนิด. ด้วยว่า ข้าวกล้านั้นเมื่อใดสามารถปกปิดกาที่เข้าไปภายในได้ เมื่อนั้นชื่อว่า กาซ่อนอยู่ได้. บทว่า ทูรํ คตํ เยน จ อวฺหยํ ความว่า บุคคลเป็นที่รักจากไปไกลนานๆ ย่อมพูดถึงกัน เพราะได้เห็นกามาจับหรือได้ยินเสียงกาส่งข่าวว่า กากา พูดกันอย่างนี้ว่า บุคคลชื่อนี้คงจักมา เพราะกาส่งข่าว. บทว่า โส ตฺยาภโต ความว่า เนื้อนั้นเรานำมาให้ท่านแล้ว. บทว่า หนฺท จ ภุญฺช พฺราหฺมณ ความว่า เชิญท่านพราหมณ์รับไปบริโภคเถิด คือบริโภคเนื้อกานี้. พระราชาทรงเขียนคาถานี้ลงในใบลานแล้ว ทรงส่งไปให้พระโพธิสัตว์. พระโพธิสัตว์อ่านหนังสือแล้ว ก็ทราบว่าพระราชาทรงต้องการพบเรา จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :- คราวใด พระราชาทรงระลึกถึงเรา เพื่อจะส่งเนื้อกาให้เรา คราวนั้น เนื้อหงส์ก็ดี เนื้อนกกระเรียนก็ดี เนื้อนกยูงก็ดี เป็นของที่เรานำไปถวายแล้ว การไม่ระลึกถึงเสียเลย เป็นความเลวทราม. ในบทเหล่านั้น บทว่า ยโต มํ สรตี ราชา วายสมฺปิ ปหาตเว ความว่า คราวใดพระราชาทรงได้เนื้อกามาย่อมระลึกถึงเรา เพื่อจะส่งเนื้อกานั้นมาให้. บทว่า หํสา โกญฺจา มยุรา จ ความว่า แต่คราวใด เขานำเนื้อหงส์เป็นต้นมาถวาย พระองค์ได้เนื้อหงส์เป็นต้นเหล่านั้น คราวนั้นไฉนพระองค์จึงไม่ระลึกถึงเรา. บทว่า อสติเยว ปาปิยา ความว่า การได้เนื้ออะไรก็ตาม แล้วระลึกถึงเป็นความดี แต่ไม่ระลึกถึงเสียเลยเป็นความลามกในโลก เหตุแห่งการไม่ระลึกถึงเสียเลยเป็นความเลวทราม แต่เหตุนั้นมิได้มีแด่พระราชาของเรา พระราชายังทรงระลึกถึงเรา ทรงหวังการกลับของเรา เพราะฉะนั้น เราจะไป. พระโพธิสัตว์ได้เทียมยานไปเฝ้าพระราชา พระราชาพอพระทัยแต่งตั้งให้ดำรง พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก. พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็น อานนท์ ในครั้งนี้ ส่วนปุโรหิต คือ เราตถาคต นี้แล. จบ อรรถกถาปุณณนทีชาดกที่ ๔ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ปุณณนทีชาดก จบ. |