ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 

อ่านชาดก 270000อ่านชาดก 270301อรรถกถาชาดก 270303
เล่มที่ 27 ข้อ 303อ่านชาดก 270305อ่านชาดก 272519
อรรถกถา คูถปาณกชาดก
ว่าด้วย หนอนท้าช้างสู้
               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า สูโร สูเรน สงฺคมฺม ดังนี้.
               ได้ยินว่า ในครั้งนั้น มีบ้านในนิคมแห่งหนึ่งจากเชตวันมหาวิหาร ประมาณโยชน์กับหนึ่งคาวุต. ที่บ้านนั้นมีสลากภัตรและปักขิกภัตรเป็นอันมาก. มีบุรุษด้วนผู้หนึ่งชอบซักถามปัญหาอยู่ที่บ้านนั้น บุรุษนั้นถามปัญหาภิกษุหนุ่มและสามเณรที่ไปรับสลากภัตรและปักขิกภัตรว่า พวกไหนดื่ม พวกไหนเคี้ยวกิน พวกไหนบริโภค ทำให้ภิกษุและสามเณรเหล่านั้นไม่สามารถตอบปัญหาได้ ให้ได้อาย. ภิกษุและสามเณรทั้งหลายจึงไม่ไปบ้านนั้น เพื่อรับสลากภัตรและปักขิกภัตร เพราะเกรงบุรุษด้วนนั้น.
               อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุรูปหนึ่งไปโรงสลากถามว่า ท่านผู้เจริญ สลากภัตรหรือปักขิกภัตรที่บ้านโน้นยังมีอยู่หรือ เมื่อภิกษุผู้เป็นภัตถุทเทสก์กล่าวว่า ยังมีอยู่ ท่าน แต่ที่บ้านนั้นมีบุรุษด้วนคนหนึ่งคอยถามปัญหา ด่าว่าภิกษุสามเณรที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงไม่มีใครอยากไปเพราะเกรงบุรุษด้วนนั้น จึงกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ขอจงให้ภัตรที่บ้านนั้นถึงผมเถิด ผมจักทรมานบุรุษนั้น ทำให้หมดพยศ จะทำให้หนีไปเพราะเห็นผมตั้งแต่นั้นเลย. ภิกษุทั้งหลายรับว่า ดีละ จะให้ภัตรที่บ้านนั้นถึงแก่ท่าน ภิกษุนั้นจึงไปที่บ้านนั้นห่มจีวรที่ประตูบ้าน.
               บุรุษด้วนเห็นภิกษุนั้น ก็ปรี่เข้าไปหาดังแพะดุ กล่าวว่า สมณะจงแก้ปัญหาของข้าพเจ้าเถิด. ภิกษุนั้นกล่าวว่า อุบาสก ขอให้อาตมาเที่ยวบิณฑบาตในบ้าน รับข้าวยาคูมาศาลานั่งพักเสียก่อนเถิด. บุรุษด้วน เมื่อภิกษุนั้นรับข้าวยาคู แล้วมาสู่ศาลานั่งพัก ก็ได้กล่าวเหมือนอย่างนั้น. ภิกษุนั้นก็ผลัดว่า ขอดื่มข้าวยาคูก่อน ขอกวาดศาลานั่งพักก่อน ขอรับสลากภัตรมาก่อน ครั้นรับสลากภัตรแล้ว จึงให้บุรุษนั้นถือบาตร กล่าวว่า ตามมาเถิด เราจักแก้ปัญหาท่าน พาไปนอกบ้าน จีบจีวรพาดบ่า รับบาตรจากมือของบุรุษนั้น ยืนอยู่.
               บุรุษนั้นกล่าวเตือนว่า สมณะจงแก้ปัญหาของข้าพเจ้า. ภิกษุกล่าวว่า เราจะแก้ปัญหาของท่าน แล้วผลักโครมเดียวล้มลง โบยตีดังจะบดกระดูกให้ละเอียด เอาคูถยัดปากขู่สำทับว่า คราวนี้ตั้งแต่นี้ไป เราจะคอยสืบรู้ในเวลาที่ถามปัญหาไรๆ กะภิกษุที่มาบ้านนี้.
               ตั้งแต่นั้นบุรุษด้วนเห็นภิกษุแล้วก็หนี.
               ครั้นต่อมา การกระทำของภิกษุนั้นได้ปรากฏขึ้นในหมู่สงฆ์ ภิกษุทั้งหลายจึงประชุมสนทนากันในโรงธรรมว่า ดูก่อนอาวุโส ได้ยินว่า ภิกษุรูปโน้นเอาคูถใส่ปากบุรุษด้วนแล้วก็ไป.
               พระศาสดาเสด็จมา ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นจะรุกรานบุรุษด้วนด้วยคูถในบัดนี้เท่านั้นก็หาไม่ แม้เมื่อก่อนก็ได้รุกรานแล้วเหมือนกัน แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
               ในอดีตกาล ชาวอังคะและมคธทั้งหลายต่างก็ไปมาหาสู่ยังแว่นแคว้นของกันและกัน. วันหนึ่งต่างเข้าไปอาศัยบ้านหลังหนึ่งที่พรมแดนของรัฐทั้งสอง ดื่มสุรา กินปลาเนื้อกันแล้ว ก็เทียมยานออกเดินทางแต่เช้าตรู่. ในเวลาที่ชนเหล่านั้นไปกันแล้ว หนอนกินคูถตัวหนึ่งได้กลิ่นคูถจึงมา เห็นสุราที่เขาทิ้งไว้ตรงที่นั่งกัน จึงดื่มด้วยความกระหาย ก็เมาไต่ขึ้นบนกองคูถ คูถสดๆ ก็ยุบลงหน่อยหนึ่ง เมื่อหนอนไต่ขึ้นไป. หนอนนั้นก็ร้องว่า แผ่นดินทานตัวเราไปไม่ได้.
               ขณะนั้นเอง ช้างตกมันตัวหนึ่งมาถึงที่นั้น ได้กลิ่นคูถแล้วรังเกียจ ก็หลีกไป. หนอนเห็นช้างนั้นแล้ว เข้าใจว่า ช้างนี้กลัวเราจึงหนีไป เราควรจะทำสงครามกับช้างนี้ จึงร้องเรียกช้างนั้น
               กล่าวคาถาแรกว่า :-
               ท่านก็เป็นผู้กล้าหาญ มาพบกับเราผู้กล้าหาญ อาจประหารได้ไม่ย่นย่อ มาซิช้าง ท่านจงกลับมาก่อน ท่านกลัวหรือจึงได้หนีไป ขอให้พวกชาวอังคะและมคธะได้เห็นความกล้าหาญของเราและของท่านเถิด.


               เนื้อความแห่งคาถานี้ว่า ท่านก็เป็นผู้กล้าหาญมาพบกับเราผู้กล้าหาญ ผู้ไม่ย่อท้อทางความเพียร บากบั่น เป็นนักต่อสู้ เพราะสามารถในทางสู้รบ เหตุใดจึงไปเสียไม่ประสงค์การสงครามเล่า การประหารกันสักทีเดียว ก็ควรกระทำมิใช่หรือ เพราะฉะนั้น ดูก่อนช้าง จงมาเถิด จงกลับก่อน ท่านกลัวตายด้วยเหตุเพียงเท่านั้น จะกลัวหนีไปเทียวหรือ ชาวอังคะและมคธทั้งหลายผู้อยู่พรมแดนนี้ จงคอยดูความเก่งกาจ ความทรหด อดทนของเราและของท่าน.

               ช้างนั้นแผดเสียงร้องได้ฟังคำของหนอนนั้นแล้ว จึงกลับไปหาหนอน
               เมื่อจะรุกรบหนอนนั้น ได้กล่าวคาถาที่ ๒ ว่า
               เราจักไม่ต้องฆ่าเจ้าด้วยเท้า งา หรือด้วยงวงเลย เราจักฆ่าเจ้าด้วยคูถ หนอนตัวเน่า ควรฆ่าด้วยของเน่าเช่นกัน.


               เนื้อความแห่งความคาถานั้นว่า เราจักไม่ฆ่าเจ้าด้วยเท้าเป็นต้น แต่เราจักฆ่าเจ้าด้วยคูถจึงสมควรแก่เจ้า ก็และครั้นช้างกล่าวอย่างนี้แล้ว จึงกล่าวต่อไปว่า สัตว์กินคูถเน่า ควรตายด้วยของเน่า.

               ช้างจึงถ่ายคูถก้อนใหญ่ลงบนหัวหนอนนั้นแล้วถ่ายปัสสาวะรด ยังหนอนให้ถึงแก่ความตายในที่นั้นเอง แผดเสียงเข้าป่าไป.

               พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก.
               ตัวหนอนในครั้งนั้น ได้เป็นบุรุษด้วนในครั้งนี้
               ช้างได้เป็นภิกษุรูปนั้น
               ส่วนเทวดาผู้เกิดในไพรสณฑ์นั้นเห็นเหตุนั้นโดยประจักษ์ คือ เราตถาคต นี้แล.
               จบ อรรถกถาคูถปาณกชาดกที่ ๗               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา คูถปาณกชาดก จบ.
อ่านชาดก 270000อ่านชาดก 270301อรรถกถาชาดก 270303
เล่มที่ 27 ข้อ 303อ่านชาดก 270305อ่านชาดก 272519
อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=1734&Z=1741
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด พระไตรปิฎกฉบับธรรมทาน
บันทึก  ๙  มิถุนายน  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]