บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ก็เรื่องทั้งที่เป็นปัจจุบันและเป็นอดีตได้ให้พิสดารแล้วใน สีลวีมังสนชาดก เอก แต่ในที่นี้ มีเรื่องว่า เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในพระนครพาราณสี ปุโรหิตของพระองค์คิดว่า จักทดลองศีลของตน จึงหยิบเอากหาปณะหนึ่งๆ ไป ๒ วัน จากแผ่นกระดานสำหรับนับเงิน ครั้นในวันที่สาม พวกราชบุรุษจับพราหมณ์นั้น โดยหาว่าเป็นโจร นำไปยังสำนักของพระราชา. ในระหว่างทางได้เห็นหมองูกำลังเล่นงูอยู่. ลำดับนั้น พระราชาตรัสถามพราหมณ์นั้นว่า เพราะเหตุไร ท่านจึงได้กระทำอย่างนี้? พราหมณ์กราบทูลว่า ขอเดชะ เพราะข้าพระพุทธเจ้าประสงค์จะทดลองศีลของตน พระเจ้าข้า แล้วจึงกล่าวคาถานี้ว่า :- ได้ทราบว่า ศีลเท่านั้นงดงาม ศีลยอดเยี่ยมในโลก ท่านจงดูซี งูใหญ่มีพิษอันร้ายแรง ยังไม่เบียด เราจักสมาทานศีลที่บัณฑิตรับรองแล้วว่า เป็นความปลอดภัยในโลก เป็นคุณชาติเครื่องให้บัณฑิตเรียกบุคคลผู้ประพฤติตามข้อปฏิบัติของพระอริยะ ว่าเป็นผู้มีศีล. อนึ่ง บุคคลผู้มีศีล ย่อมเป็นที่รักของญาติทั้งหลาย ทั้งย่อมรุ่งเรืองในหมู่มิตร เมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงสุคติ. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สีลํ ได้แก่ อาจารมารยาท. ศัพท์ว่า กิร เป็นนิบาตลงในอรรถว่าได้ยินได้ฟัง. บทว่า กลฺยาณํ แปลว่า งาม. อธิบายว่า บัณฑิตทั้งหลายย่อมกล่าวอย่างนี้ว่า ได้ยินว่า ศีลเท่านั้นงดงาม. พราหมณ์กล่าวถึงตนเอง ด้วยบทว่า ปสฺส ดูเอาเถิด. บทว่า น หญฺญติ ความว่า ไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วยตนเอง ทั้งไม่ใช่ให้คนอื่นเบียดเบียน. บทว่า สมาทิสฺสํ แปลว่า จักสมาทาน. บทว่า อนุมตํ สิวํ ความว่า อันบัณฑิตทั้งหลายรับรองแล้วว่าเป็นแดนเกษม คือปลอดภัย. บทว่า เยน วุจฺจติ ความว่า เราจักสมาทานศีลอันเป็นเหตุให้บุคคลผู้มีศีลผู้ประพฤติ โดยเอื้อเฟื้อต่อข้อปฏิบัติของพระอริยเจ้าทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ซึ่งได้รับการขนานนามว่า อริยวุตติสมาจาร ผู้มีสมาจารอันเป็นเครื่องประพฤติอย่างประเสริฐ. บทว่า วิโรจติ ความว่า ย่อมรุ่งโรจน์ ประดุจกองไฟบนยอดเขา. พระโพธิสัตว์ เมื่อประกาศคุณของศีลด้วยคาถา ๓ คาถาอย่างนี้แล้ว จึงแสดงธรรม ข้าแต่มหาราชเจ้า ในเรือนของข้าพระพุทธเจ้ามีทรัพย์จำนวนมาก ทั้งที่เป็นของบิดามารดา ทำให้เกิดขึ้นด้วยตนเองและทั้งที่พระองค์พระราชทาน ที่สุดรอบคือความเสร็จสิ้นไม่ปรากฎ ก็ข้าพระพุทธเจ้า เมื่อจะทดลองศีล จึงหยิบเอากหาปณะจากแผ่นกระดานสำหรับนับเงินไป บัดนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทราบเกล้าแล้วว่า ในโลกนี้ชาติ โคตร ตระกูล และประเทศเป็นภาวะต่ำทราม และศีลเท่านั้นประเสริฐ ข้าพระพุทธเจ้าจักบวช ขอจงอนุญาตให้ข้าพระพุทธเจ้าบวชเถิด แล้วทูลขอให้ทรงอนุญาตการบวช แม้พระราชาจะทรงขอร้องแล้วๆ เล่าๆ ก็ออกจากเรือนเข้าป่าหิมพานต์ บวชเป็นฤาษี ยังอภิญญาและสมาบัติให้บังเกิดแล้ว ได้มีพรหม พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า พราหมณ์ปุโรหิตผู้ทดลองศีลในครั้งนั้น คือ เราตถาคต ฉะนี้แล. รวมชาดกที่มีวรรคนี้ คือ ๑. อัพภันตรชาดก ว่าด้วย ผลไม้ทิพย์ ๒. เสยยชาดก ว่าด้วย ๓. วัฑฒกีสูกรชาดก ว่าด้วย หมูสู้เสือได้ด้วยสามัคคีกัน ๔. สิริชาดก ว่าด้วย โภคะเกิดแก่ผู้มีบุญ ๕. มณิสูกรชาดก ว่าด้วย ของดีใครทำลายไม่ได้ ๖. สาลุกชาดก ว่าด้วย อุบายไม่ให้ถูกฆ่า ๗. ภาลครหิกราชดก ว่าด้วย วิธีการหลอกลวง ๘. มัจฉทานชาดก ว่าด้วย บุญที่ให้ทานแก่ปลา ๙. นานาฉันทชาดก ว่าด้วย ต่างคนต่างใจ ๑๐. สีลวีมังสชาดก ว่าด้วย อานิสงส์ของศีล จบ อัพภันตรวรรคที่ ๔ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สีลวีมังสชาดก จบ. |