บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ได้ยินว่า ปริพาชกนั้นมีหนังเท่านั้นเป็นเครื่องนุ่งและเครื่องห่ม. วันหนึ่ง ปริพาชกนั้นออกจากอารามของปริพาชก เที่ยวภิกขาไปในนครสาวัตถี ถึงที่พวกแพะชนกัน แพะเห็นปริพาชกนั้น มีความประสงค์จะชนจึงย่อตัวลง ปริพาชกไม่หลีกเลี่ยงไปด้วยคิดว่า แพะนี้จักแสดง ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า อาวุโสทั้งหลาย จัมมสาฏกปริพาชก พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน ปริพาชกนี้ก็ได้ยกย่องอสัตบุรุษแล้วถึงความพินาศดังนี้แล้ว ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :- ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิ ในกาลนั้น มีจัมมสาฏกปริพาชกผู้หนึ่งเที่ยวภิกขาไปในนครพาราณสี ถึงสถาน แพะตัวนี้เป็นสัตว์มีท่าทางดี เป็นที่เจริญใจ และมีศีลน่ารักใคร่ เคารพยำเกรงพราหมณ์ผู้สมบูรณ์ด้วยชาติและมนต์ จัดว่าเป็นแพะประเสริฐ มียศศักดิ์. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กลฺยาณรูโป ได้แก่ มีชาติกำเนิดงาม. บทว่า สุเปสโล ได้แก่ มีศีลเป็นที่รักด้วยดี. บทว่า ชาติมนฺตูปปนฺนํ แปลว่า สมบูรณ์ด้วยชาติและมนต์ทั้งหลาย. บทว่า ยสสฺสี นี้เป็นบทกล่าวถึงคุณ. ขณะนั้น พ่อค้าผู้เป็นบัณฑิตนั่งอยู่ในตลาด เมื่อจะห้ามปริพาชกนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :- ดูก่อนพราหมณ์ ท่านอย่าได้ไว้วางใจสัตว์ ๔ เท้า เพียงได้เห็นมันครู่เดียว มันต้องการจะชนให้ถนัด จึงย่อตัวลงจักชนให้ถนัดถนี่. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อิตฺตรทสฺสเนน ความว่า เพียงเห็นมันชั่วขณะ. ก็เมื่อพ่อค้าผู้เป็นบัณฑิตกำลังพูดอยู่นั่นแหละ แพะวิ่งมาโดยเร็วชนที่ขาอ่อนให้ปริพาชกนั้นล้มลง ณ ที่นั้นเอง ทำให้ได้รับทุกขเวทนา. ปริพาชกนั้นนอนปริเวทนาการอยู่. พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเหตุนั้น จึงตรัสคาถาที่ ๓ ว่า :- กระดูกขาของพราหมณ์ก็หัก บริขารที่หาบก็พลัดตก สิ่งของของพราหมณ์ก็แตกทำลายหมด พราหมณ์ประคองแขนทั้งสองคร่ำครวญอยู่ว่า ช่วยด้วย แพะชน เนื้อความแห่งคำที่เป็นคาถานั้นมีว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กระดูกขาของปริพาชกนั้นหัก หาบบริขารก็พลัดตก เมื่อปริพาชกนั้นกลิ้งไป ภัณฑะเครื่องอุปกรณ์ของพราหมณ์ ปริพาชกจึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า :- ผู้ใดสรรเสริญยกย่องคนที่ไม่ควรบูชา ผู้นั้นจะถูกเขาห้ำหั่นนอนอยู่ เหมือนเราผู้มีปัญญาทรามถูกแพะชนเอาจนตายในวันนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปูชํ ได้แก่ ผู้ไม่ควรบูชา. บทว่า ยถาหมชฺช ความว่า เหมือนเรายืนทำการยกย่องอสัตบุรุษ ถูกแพะชนอย่างแรงจนตายอยู่ ณ ที่นี้ในวันนี้เอง. บทว่า ทุมฺมติ แปลว่าผู้ไม่มีปัญญา. อธิบายว่า บุคคลแม้อื่นใดกระทำการยกย่อง ปริพาชกนั้นคร่ำครวญอยู่ด้วยประการฉะนี้ จึงถึงความสิ้นชีวิตไป ณ ที่นั้นเอง. พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า ปริพาชกชื่อจัมมสาฏกในครั้งนั้น ได้เป็น ปริพาชกชื่อจัมมสาฏกในบัดนี้ ส่วนพาณิชผู้บัณฑิตในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถาจัมมสาฏกชาดกที่ ๔ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา จัมมสาฏกชาดก จบ. |