บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
เรื่องปัจจุบันได้ให้พิสดารไว้แล้วทีเดียว. ส่วนเรื่องในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดกระบี่ ในหิมวันตประเทศ เจริญวัยแล้วอยู่ ณ ที่ฝั่งแม่น้ำคงคา. ครั้งนั้น นางจระเข้ ลำดับนั้น วานรจึงกล่าวกะจระเข้นั้นว่า ท่านผู้เจริญ ท่านจะให้เราดำลงในน้ำทำไม. จระเข้กล่าวว่าเราจักฆ่าท่านแล้วให้เนื้อหัวใจแก่ภรรยาของเรา. วานรกล่าวว่า ช้าก่อน ท่านเข้าใจว่าเนื้อหัวใจของเราอยู่ที่อกหรือ. จระเข้กล่าวว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น เนื้อหัวใจของท่านตั้งอยู่ที่ไหน. วานร พระโพธิสัตว์จึงโดดจากหลังของจระเข้นั้นไปนั่งบนต้นมะเดื่อ แล้วได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า:- ดูก่อนจระเข้เราสามารถยกตนขึ้นจากน้ำสู่บกได้ บัดนี้ เราจักไม่ตกอยู่ในอำนาจของท่านอีกต่อไป. เราไม่ต้องการด้วยผลมะม่วง ผลหว้าและผลขนุนทั้งหลาย ที่จะต้องข้ามแม่น้ำไปบริโภค ผลมะเดื่อของเราดีกว่า. ผู้ใดไม่รู้เท่าทันเหตุการณ์อันเกิดขึ้นโดยฉับพลัน ผู้นั้นจะต้องตกอยู่ในอำนาจของศัตรู และ ส่วนผู้ใดรู้เท่าทันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน ผู้นั้นย่อมพ้นจากวงล้อมของศัตรู และไม่ต้องเดือดร้อนภายหลัง. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อสกฺขึ วต ความว่า ได้เป็นผู้สามารถหนอ. บทว่า อุฏฺฐาตุ ได้แก่ เพื่อยกขึ้น. วานรเรียกจระเข้ว่า วาริชะ. บทว่า ยานิ ปารํ สมุทฺทสฺส ความว่า วานรเมื่อจะเรียกแม่น้ำคงคาโดยชื่อว่าสมุทร จึงกล่าวว่า พอกันทีด้วยผลไม้ที่เราจะต้องข้ามฝั่งแม่น้ำไปกิน. บทว่า ปจฺฉา จ อนุตปฺปติ ความว่า บุคคลผู้ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน ย่อมไปสู่อำนาจของศัตรู และย่อมต้องเดือดร้อนภายหลัง. วานรนั้นกล่าวเหตุอันเป็นเครื่องให้สำเร็จกิจฝ่ายโลกิยะ ด้วยคาถาทั้ง ๔ ด้วยประการฉะนี้แล้ว ก็ไปสู่ชัฏป่าทีเดียว. พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า จระเข้ในครั้งนั้น ได้เป็น พระเทวทัต ส่วนวานรในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถาวานรชาดกที่ ๒ .. อรรถกถา วานรชาดก จบ. |