ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
โกลทายกเถราปทานที่ ๒
ว่าด้วยผลแห่งการถวายพุทรา
[๓๒] ครั้งนั้น เรานุ่งหนังเสือ ห่มผ้าคากรอง บำเพ็ญวัตรจริยาอย่างหนัก ใกล้อาศรมของเรามีต้นพุทรา ในกาลนั้น พระพุทธเจ้าพระนามว่า สิขี เป็นเอก ไม่มีผู้เสมอสอง ทรงทำโลกให้โชติช่วงอยู่ตลอดกาล ทั้งปวง เสด็จเข้ามายังอาศรมของเรา เรายังจิตของตนให้เลื่อมใส และถวายบังคมพระพุทธเจ้าผู้มีวัตรอันงามแล้ว ได้เอามือทั้งสอง กอบพุทราถวายแด่พระพุทธเจ้า ในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ เราได้ถวาย พุทราใด ในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผล แห่งการถวายพุทรา เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพขึ้นได้ ทั้งหมดแล้ว ตัดกิเลสเครื่องผูกดังช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มี อาสวะอยู่ การที่เราได้มายังสำนักของพระพุทธเจ้าของเรานี้ เป็นการ มาดีแล้วหนอ วิชชา ๓ เราได้บรรลุแล้วโดยลำดับ พระพุทธศาสนา เราได้ทำเสร็จแล้ว คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราได้ทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำ เสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระโกลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ โกลทายกเถราปทาน.
เวลุวผลิยเถราปทานที่ ๓
ว่าด้วยผลแห่งการถวายมะตูม
[๓๓] เราสร้างอาศรมไว้อย่างสวยงาม ใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา อาศรมนั้น เกลื่อนกล่นไปด้วยต้นมะตูม เป็นที่รวมหมู่ไม้นานาชนิด เราเห็น ผลมะตูมมีกลิ่นหอมแล้ว ระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด เรา ทั้งยินดีทั้งสลดใจ เอาผลมะตูมใส่หาบจนเต็ม ได้เข้าไปเฝ้าพระ- พุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันธะ แล้วถวายผลมะตูมสุกแด่พระองค์ ผู้เป็นเนื้อนาบุญ เป็นนักปราชญ์ ด้วยใจอันผ่องใส ในกัปนี้เอง เราได้ถวายผลมะตูมใดในกาลนั้น ด้วยการถวายผลมะตูมนั้น เรา ไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายมะตูม เราเผากิเลสทั้งหลาย แล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระเวลุวผลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ เวลุวผลิยเถราปทาน.
ภัลลาตกทายกเถราปทานที่ ๔
ว่าด้วยผลแห่งการถวายลูกรกฟ้า
[๓๔] เราตกแต่งเครื่องลาดที่ทำด้วยหญ้าแล้ว ได้ทูลอาราธนาพระสัมพุทธ- เจ้าผู้มีพระฉวีวรรณเหมือนทองคำ มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ ผู้ประหนึ่งว่าพระยารังที่กำลังดอกบาน เป็นพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุด กำลังเสด็จไปทางท้ายป่าใหญ่ว่า ขอพระพุทธเจ้า ทรงโปรดอนุเคราะห์ข้าพระองค์เถิด ข้าพระองค์ปรารถนาจะถวาย ภิกษา พระพุทธเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี ผู้อนุเคราะห์ ประกอบ ด้วยพระกรุณา มีพระยศใหญ่ ได้ทรงทราบความดำริของเรา จึง เสด็จแวะที่อาศรมของเรา ครั้นแล้ว พระองค์ได้ประทับบนเครื่อง ลาดที่ทำด้วยหญ้า เราได้หยิบเอาผลไม้รกฟ้ามาถวายแด่พระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุด เมื่อเรามองดูอยู่ พระพิชิตมารทรงเสวยในเวลานั้น เรายังจิตให้เลื่อมใสในทานนั้นแล้ว ได้ถวายบังคมพระพิชิตมาร ในกาลนั้น ในกัปที่ ๑,๘๐๐ เราได้ถวายผลไม้ใด ในกาลนั้น ด้วยการ ถวายผลไม้นั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้ เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้วดังนี้. ทราบว่า ท่านพระภัลลาตกทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ ภัลลาตกทายกเถราปทาน.
อุมมาปุปผิยเถราปทานที่ ๕
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกผักตบ
[๓๕] ก็ครั้นเมื่อต้นไทรอันเป็นไม้โพธิพฤกษ์ งอกงามสีเขียวขจี เราได้เอา ดอกผักตบมาบูชาไม้โพธิพฤกษ์ ในกัปนี้เอง เราได้บูชาโพธิพฤกษ์ ใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชา ไม้โพธิพฤกษ์ เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระอุมมาปุปผิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ อุมมาปุปผิยเถราปทาน.
อัมพาฏกิยเถราปทานที่ ๖
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกมะกอก
[๓๖] พระมุนีพระนามว่าเวสสภูผู้อภิชาติ เสด็จเข้าไปสู่ป่ารังซึ่งมีดอกบาน สะพรั่ง ประทับอยู่ที่ซอกเขา เหมือนไกรสรสีหราช ฉะนั้น เรามี จิตผ่องใสโสมนัส เลื่อมใส ได้เอาดอกมะกอกบูชาพระมหาวีรเจ้า ผู้เป็นบุญเขตด้วยมือทั้งสองของตน ในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ เราได้ เอาดอกไม้บูชาใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผล แห่งพุทธบูชา เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำ เสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระอัมพาฏกิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ อัมพาฏกิยเถราปทาน.
สีหาสนิกเถราปทานที่ ๗
ว่าด้วยผลแห่งการถวายอาสนะทอง
[๓๗] เรามีจิตเลื่อมใสมีใจโสมนัส ได้ถวายอาสนะทองแด่พระผู้มีพระภาค พระนามว่าปทุมุตระ ผู้แสวงหาประโยชน์แด่สรรพสัตว์ เราอยู่ใน โลกใดๆ คือ ในเทวโลกหรือมนุษยโลก ในโลกนั้นๆ เราได้ วิมานอันไพบูลย์ นี้เป็นผลของอาสนะทอง บัลลังก์อันสำเร็จด้วย ทองและเงิน สำเร็จด้วยแก้วปทุมราช และสำเร็จด้วยแก้วมณี เกิดแก่เรามากมาย ในกาลทุกเมื่อ เราทำอาสนะไม้โพธิของ พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตระแล้ว ได้บังเกิดในสกุลสูง โอ พระธรรมเป็นธรรมดี ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้ทำอาสนะทอง ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งอาสนะทอง เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนา เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระสีหาสนิกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ สีหาสนิกเถราปทาน.
ปาทปิฐิยเถราปทานที่ ๘
ว่าด้วยผลแห่งการถวายตั่งรองเท้า
[๓๘] พระมหามุนีสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบด้วยพระกรุณา พระนามว่าสุเมธะ ยังสัตว์ให้ข้ามเป็นอันมากแล้ว พระองค์ผู้ทรงพระยศใหญ่ก็ได้เสด็จ นิพพาน เรามีจิตเลื่อมใสมีใจโสมนัส ได้ใช้ให้คนทำตั่งสำหรับ รองเท้าไว้ที่ใกล้อาสนะทอง ของพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสุเมธะ ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เราทำกุศลกรรมอันมีความสุขเป็นผล มีความสุขเป็นกำไรแล้ว เป็นผู้ประกอบด้วยบุญกรรม ได้ไปสู่ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อเราผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยบุญกรรมอยู่ใน ดาวดึงส์นั้น ตั่งทองย่อมเกิดแก่เราผู้ยกเท้าก้าวไปอยู่ นรชนเหล่า ใดได้การเข้าไปฟังใกล้ๆ ทำสักการะในพระพุทธเจ้าผู้เสด็จนิพพาน แล้ว ได้สุขอันไพบูลย์ นรชนเหล่านั้นได้ลาภดีแล้ว แม้เราก็ได้ สร้างกรรมไว้ดีแล้ว เราทำตั่งสำหรับรองเท้าอันประกอบแล้วในการ ค้าขาย จึงได้ตั่งทอง เราเหยียบไปบนตั่งทองในทิศที่ไปด้วยกิจบาง อย่าง นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม ในกัปที่สามหมื่น เราได้ทำกรรมใด ในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งตั่ง สำหรับรองเท้า เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเรา ได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
จบ ปาทปิฐิยเถราปทาน.
เวทิยการกเถราปทานที่ ๙
ว่าด้วยผลแห่งการถวายไพรที
[๓๙] เราได้สร้างไพรทีอย่างสวยงาม ไว้ที่โพธิพฤกษ์ของพระพุทธเจ้า พระนามว่าปทุมุตระ ซึ่งเป็นไม้สูงสุดกว่าไม้ทั้งหลาย แล้วยังจิต ของตนให้เลื่อมใส เครื่องใช้สอยหลายชนิดเลิศโอฬาร ทั้งที่ทำ เสร็จและยังทำไม่เสร็จ ตกลงมาจากอากาศ นี้เป็นผลแห่งไพรที ในสงครามที่สองฝ่ายประชิดกัน อันน่ากลัว เมื่อเราเข้าไป ก็ไม่ พบสิ่งที่น่าขลาดกลัวเลย นี้เป็นผลแห่งไพรที วิมานอันงดงามและ ที่นอนอันล้นค่า เกิดขึ้นดังจะรู้ความดำริของเรา นี้ก็เป็นผลแห่ง ไพรที ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้ทำไพรทีใด ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งไพรที เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระเวทิยการกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ เวทิยการกเถราปทาน.
โพธิฆรการกเถราปทานที่ ๑๐
ว่าด้วยผลแห่งการสร้างเรือนไม้โพธิ
[๔๐] เรามีจิตเลื่อมใสมีใจโสมนัส ได้ใช้คนทำเรือนไม้โพธิของพระผู้ มีพระภาคผู้เป็นใหญ่กว่าสัตว์ผู้คงที พระนามว่าสิทธัตถะ เราเข้าถึง สวรรค์ชั้นดุสิต อยู่ในเรือนแก้ว หนาว ร้อน หรือลม มิได้ถูกต้อง ตัวเราเลย ในกัปที่ ๖๕ แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ วิสสุกรรมเทพบุตรได้เนรมิตนครชื่อกาสิกะ ยาว ๑๐ โยชน์ กว้าง ๘ โยชน์ให้เรา ในนครนั้นไม่มีไม้ เครือเถา และดินเลย วิสสุกรรมเทพบุตรเนรมิตปราสาทชื่อมงคล ยาวโยชน์หนึ่ง กว้าง ครึ่งโยชน์ ให้เรา เสาปราสาท ๘๔,๐๐๐ ต้น ล้วนเป็นทองคำ พื้นสำเร็จด้วยแก้วมณี หลังคาเป็นเงิน เรือนสำเร็จด้วยทอง นี้ เราได้อยู่ครอบครองมาแล้ว นี้เป็นผลแห่งการให้เรือนเป็นทาน เราได้เสวยผลทั้งปวงนั้น ในภพทั้งที่เป็นของเทวดาและมนุษย์ วันนี้เราบรรลุนิพพานอันเป็นบทสงบระงับ ไม่มีบทใดจะยิ่งกว่า ในกัปที่สามหมื่น เราได้ให้ทำเรือนโพธิพฤกษ์ ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้ก็เป็นผลแห่งการให้เรือนเป็นทาน เราเผา กิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระโพธิฆรการกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ โพธิฆรการกเถราปทาน.
-----------------------------------------------------
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. วิเภทกิพีชิยเถราปทาน ๖. อัมพาฏกิยเถราปทาน ๒. โกลทายกเถราปทาน ๗. สีหาสนิกเถราปทาน ๓. เวลุวผลิยเถราปทาน ๘. ปาทปิฐิยเถราปทาน ๔. ภัลลาตกทายกเถราปทาน ๙. เวทิยการกเถราปทาน ๕. อุมมาปุปผิยเถราปทาน ๑๐. โพธิฆรการกเถราปทาน
ในวรรคนี้ บัณฑิตได้ภาษิตคาถาไว้คำนวณได้ ๗๙ คาถา.
จบ วิเภทกิวรรคที่ ๔๕
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๘๗๔-๑๐๑๙ หน้าที่ ๓๘-๔๔. https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=33&A=874&Z=1019&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=33&siri=32              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33&i=32              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [32-40] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=33&item=32&items=9              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=50&A=5506              The Pali Tipitaka in Roman :- [32-40] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=33&item=32&items=9              The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=50&A=5506              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ https://84000.org/tipitaka/read/?index_33              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/tha-ap444/en/walters

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :