บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) การค้นหาคำว่า กรรม ผลการค้นหาพบ 9 ตำแหน่ง ดังนี้ :-
1. อกุศลกรรม (กรรมที่เป็นอกุศล, กรรมชั่ว, การกระทำที่ไม่ดี ไม่ฉลาด ไม่เกิดจากปัญญา ทำให้เสื่อมเสียคุณภาพชีวิต หมายถึง การกระทำที่เกิดจากอกุศลมูล คือ โลภะ โทสะ หรือโมหะ - unwholesome action; evil deed; bad deed) 2. กุศลกรรม (กรรมที่เป็นกุศล, กรรมดี, การกระทำที่ดี ฉลาด เกิดจากปัญญา ส่งเสริมคุณภาพของชีวิตจิตใจ หมายถึง การกระทำที่เกิดจากกุศลมูล คือ อโลภะ อโทสะ หรืออโมหะ - wholesome action; good deed)
[*] กรรมฐาน 2 ดู [36] ภาวนา 2.
1. กายกรรม (กรรมทำด้วยกาย, การกระทำทางกาย bodily action) 2. วจีกรรม (กรรมทำด้วยวาจา, การกระทำทางวาจา verbal action) 3. มโนกรรม (กรรมทำด้วยใจ, การกระทำทางใจ mental action)
1. ปาณาติบาต (การตัดรอนชีวิต - destruction of life) 2. อทินนาทาน (ถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้, ลักขโมย - taking what is not given) 3. กาเมสุมิจฉาจาร (ประพฤติผิดในกาม - sexual misconduct) 4. มุสาวาท (พูดเท็จ - false speech)
[***] กัลยาณมิตร 4 ในที่นี้ใช้เป็นคำเรียกมิตรแท้ ตามบาลีเรียกว่า สุททมิตร ดู [169] สุหทมิตร 4 [***] กิจในอริยสัจจ์ 4 ดู [205] กิจในอริยสัจจ์ 4
1. มาตุฆาต (ฆ่ามารดา matricide) 2. ปิตุฆาต (ฆ่าบิดา patricide) 3. อรหันตฆาต (ฆ่าพระอรหันต์ killing an Arahant) 4. โลหิตุปบาท (ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อขึ้นไป causing a Buddha to suffer a contusion or to bleed) 5. สังฆเภท (ยังสงฆ์ให้แตกกัน, ทำลายสงฆ์ causing schism in the Order)
[***] อนาคามี 5 ดู [60] อนาคามี 5
ก. กายกรรม 3 (การกระทำทางกาย bodily action) 1. ปาณาติปาตา เวรมณี* (เว้นจากปลงชีวิต abstention from killing) *เวรมณี แปลว่า เจตนาที่ทำให้เว้น หรือ เจตนาที่ตรงข้าม เมื่อจะแปลให้เต็มความ จึงควรแปลว่า การกระทำที่ว่างจากการคิดเบียดเบียน หรือ การทำดีที่ตรงข้ามกับการเบียดเบียนชีวิต ดังนี้เป็นต้น 2. อทินนาทานา เวรมณี (เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้โดยอาการขโมย abstention from taking what is not given) 3. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี (เว้นจากประพฤติผิดในกาม abstention from sexual misconduct) ข. วจีกรรม 4 (การกระทำทางวาจา verbal action) 4. มุสาวาทา เวรมณี (เว้นจากพูดเท็จ abstention from false speech) 5. ปิสุณาย วาจาย เวรมณี (เว้นจากพูดส่อเสียด abstention from tale-bearing) 6. ผรุสาย วาจาย เวรมณี (เว้นจากพูดคำหยาบ abstention from harsh speech) 7. สัมผัปปลาปา เวรมณี (เว้นจากพูดเพ้อเจ้อ abstention from vain talk or gossip) ค. มโนกรรม 3 (การกระทำทางใจ mental action) 8. อนภิชฌา (ความไม่คิดเพ่งเล็งอยากได้ของเขา non-covetousness) 9. อพยาบาท (ความไม่คิดร้ายผู้อื่น non-illwill) 10. สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ ถูกต้องตามคลองธรรม right view)
ก. กายกรรม 3 (การกระทำทางกาย bodily action) 1. ปาณาติปาตํ ปหาย ฯเปฯ สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี โหติ (ละการฆ่าการเบียดเบียน มีเมตตากรุณาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน to avoid the destruction of life and be anxious for the welfare of all lives) 2. อทินฺนาทานํ ปหาย ฯเปฯ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อนาทาตา โหติ (ละอทินนาทาน เคารพกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่น to avoid stealing, not violating the right to private property of others) 3. กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย ฯเปฯ น จาริตฺตํ อาปชฺชิตา โหติ (ละการประพฤติผิดในกาม ไม่ล่วงละเมิดประเพณีทางเพศ to avoid sexual misconduct, not transgressing sex morals) ข. วจีกรรม 4 (การกระทำทางวาจา verbal action) 4. มุสาวาทํ ปหาย ฯเปฯ น สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหติ (ละการพูดเท็จ ไม่ยอมกล่าวเท็จ เพราะเหตุตนเอง ผู้อื่น หรือเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ใดๆ to avoid lying, not knowingly speaking a lie for the sake of any advantage) 5. ปิสุณํ วาจํ ปหาย ฯลฯ สมคฺคกรณี วาจํ ภาสิตา โหติ (ละการพูดคำส่อเสียด ช่วยสมานคนที่แตกร้าวกัน ส่งเสริมคนที่สมัครสมานกัน ชอบกล่าวถ้อยคำที่สร้างสามัคคี to avoid malicious speech, unite the discordant, encourage the united and utter speech that makes for harmony) 6. ผรุสํ วาจํ ปหาย ฯเปฯ พหุชนมนาปา ตถารูปี วาจํ ภาสิตา โหติ (ละคำหยาบ พูดแต่คำสุภาพอ่อนหวาน to avoid harsh language and speak gentle, loving, courteous, dear and agreeable words) 7. สมฺผปฺปลาปํ ปหาย ฯเปฯ กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา โหติ ฯเปฯ (ละการพูดเพ้อเจ้อ พูดแต่คำจริงมีเหตุผล มีสารประโยชน์ ถูกกาลเทศะ to avoid frivolous talk; to speak at the right time, in accordance with facts, what is useful, moderate and full of sense) ค. มโนกรรม 3 (การกระทำทางใจ mental action) 8. อนภิชฺฌาลุ โหติ ฯเปฯ (ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของผู้อื่น to be without covetousness) 9. อพฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ ฯเปฯ สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตูติ (ไม่มีจิตคิดร้าย คือปรารถนาแต่ว่า ขอให้สัตว์ทั้งหลายไม่มีเวร ไม่เบียดเบียน ไม่มีทุกข์ ครองตนอยู่เป็นสุขเถิด to be free from illwill, thinking, Oh, that these beings were free fron hatred and illwill, and would lead a happy life from trouble.) 10. สมฺมาทิฏฺฐิโก โหติ ฯเปฯ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตีติ (มีความเห็นชอบ เช่นว่า ทานมีผล การบูชามีผล ผลวิบากกรรมดีกรรมชั่วมี เป็นต้น to posses right view such as that gifts, donations and offerings are not fruitless and that there are results of wholesome and unwholesome actions) กุศลกรรมบถหมวดนี้ ในบาลีเรียกชื่อหลายอย่าง เช่นว่า ธรรมจริยา (ความประพฤติธรรม -- righteous conduct) บ้าง โสไจย (ความสะอาดหรือเครื่องชำระตัว -- cleansing) บ้าง อริยธรรม (อารยธรรม, ธรรมของผู้เจริญ -- virtues of a noble or civilized man) บ้าง อริยมรรค (มรรคาอันประเสริฐ -- the noble path) บ้าง สัทธรรม (ธรรมดี, ธรรมแท้ -- good law; true law) บ้าง สัปปุริสธรรม (ธรรมของสัตบุรุษ -- qualities of a good man) บ้าง ฯลฯ
ก. กายกรรม 3 (การกระทำทางกาย bodily action) 1. ปาณาติบาต (การทำชีวิตให้ตกล่วง, ปลงชีวิต destruction of life; killing) 2. อทินนาทาน (การถือเอาของที่เขามิได้ให้ โดยอาการขโมย, ลักทรัพย์ taking what is not given; stealing) 3. กาเมสุมิจฉาจาร (ความประพฤติผิดในกาม sexual misconduct) ข. วจีกรรม 4 (การกระทำทางวาจา verbal action) 4. มุสาวาท (การพูดเท็จ false speech) 5. ปิสุณาวาจา (วาจาส่อเสียด tale-bearing; malicious speech) 6. ผรุสวาจา (วาจาหยาบ harsh speech) 7. สัมผัปปลาปะ (คำพูดเพ้อเจ้อ frivolous talk; vain talk; gossip) ค. มโนกรรม 3 (การกระทำทางใจ mental action) 8. อภิชฌา (เพ่งเล็งอยากได้ของเขา covetousness; avarice) 9. พยาบาท (คิดร้ายผู้อื่น illwill) 10. มิจฉาทิฏฐิ (เห็นผิดจากคลองธรรม false view; wrong view)
หมวดที่ 1 ว่าโดยปากกาล คือ จำแนกตามเวลาที่ให้ผล (classification according to the time of ripening or taking effect) 1. ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม (กรรมให้ผลในปัจจุบันคือในภพนี้ kamma to be experienced here and now; immediately effective kamma) 2. อุปปัชชเวทนียกรรม (กรรมให้ผลในภพที่จะไปเกิดคือในภพหน้า kamma to be experienced on rebirth; kamma ripening in the next life) 3. อปราปริยเวทนียกรรม (กรรมให้ผลในภพต่อๆไป kamma to be experienced in some subsequent becoming; indefinitely effective kamma) 4. อโหสิกรรม (กรรมเลิกให้ผล ไม่มีผลอีก lapsed or defunct kamma) หมวดที่ 2 ว่าโดยกิจ คือจำแนกการให้ผลตามหน้าที่ (classification according to function) 5. ชนกกรรม (กรรมแต่งให้เกิด, กรรมที่เป็นตัวนำไปเกิด productive kamma; reproductive kamma) 6. อุปัตถัมภกกรรม (กรรมสนับสนุน, กรรมที่เข้าช่วยสนับสนุนหรือซ้ำเติมต่อจากชนกกรรม supportive kamma; consolidating kamma) 7. อุปปีฬกกรรม (กรรมบีบคั้น, กรรมที่มาให้ผล บีบคั้นผลแห่งชนกกรรมและอุปัตถัมภกกรรมนั้น ให้แปรเปลี่ยนทุเลาลงไป บั่นทอนวิบากมิให้เป็นไปได้นาน obstructive kamma; frustrating kamma) 8. อุปฆาตกกรรม (กรรมตัดรอน, กรรมที่แรง ฝ่ายตรงข้ามกับชนกกรรม และอุปัตถัมภกกรรม เข้าตัดรอนการให้ผลของกรรมสองอย่างนั้น ให้ขาดไปเสียทีเดียว เช่น เกิดในตระกูลสูง มั่งคั่ง แต่อายุสั้น เป็นต้น destructive kamma; supplanting kamma) หมวดที่ 3 ว่าโดยปากทานปริยาย คือ จำแนกตามความยักเยื้องหรือลำดับความแรงในการให้ผล (classification according to the order of ripening) 9. ครุกกรรม (กรรมหนัก ให้ผลก่อน ได้แก่ สมาบัติ 8 หรือ อนันตริย 10. พหุลกรรม หรือ อาจิณณกรรม (กรรมทำมากหรือกรรมชิน ให้ผลรองจากครุกกรรม habitual kamma) 11. อาสันนกรรม (กรรมจวนเจียน หรือกรรมใกล้ตาย คือกรรมทำเมื่อจวนจะตาย จับใจอยู่ใหม่ๆ ถ้าไม่มี 2 ข้อก่อน ก็จะให้ผลก่อนอื่น death threshold kamma; proximate kamma) 12. กตัตตากรรม หรือ กตัตตาวาปนกรรม (กรรมสักว่าทำ, กรรมที่ทำไว้ด้วยเจตนาอันอ่อน หรือมิใช่เจตนาอย่างนั้นโดยตรง ต่อเมื่อไม่มีกรรมอื่นให้ผลแล้วกรรมนี้จึงจะให้ผล reserve kamma; casual act) กรรม 12 หรือ กรรมสี่ 3 หมวดนี้ มิได้มีมาในบาลีในรูปเช่นนี้โดยตรง พระอาจารย์สมัยต่อมา เช่น พระพุทธโฆษาจารย์ เป็นต้น ได้รวบรวมมาจัดเรียงเป็นแบบไว้ภายหลัง.
1. กสิณ 10 ดู [315] 2. อสุภะ 10 ดู [336] 3. อนุสติ 10 ดู [335] 4. อัปปมัญญา 4 ดู [161] 5. อาหาเร ปฏิกูลสัญญา (กำหนดพิจารณาความเป็นปฏิกูลในอาหาร perception of the loathsomeness of food) 6. จตุธาตุววัฏฐาน (กำหนดพิจารณาธาตุ 4, พิจารณาเห็นร่างกายของตนโดยสักว่าเป็นธาตุ 4 แต่ละอย่างๆ; ธาตุมนสิการ ก็เรียก analysis of the four elements) 7. อรูป 4 ดู [207] กรรมฐานใดให้ได้สมาธิถึงขั้นใด ดู [99] ภาวนา 3; กรรม
|
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พิมพ์ครั้งที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๔๖
http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=กรรม
http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=%A1%C3%C3%C1
บันทึก ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗, ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจาก พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พิมพ์ครั้งที่ ๗ พ.ศ. ๒๕๓๕, พิมพ์ครั้งที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๔๖ หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]