ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ] กถาวัตถุปกรณ์
๔. ญาณกถา (๑๐๙)
ว่าด้วยญาณ
[๖๑๔] สก. พระอริยบุคคลเมื่อความไม่รู้ปราศไปแล้ว เมื่อจิตที่วิปปยุตจาก ญาณเป็นไปอยู่ ท่านไม่ยอมรับว่า “มีญาณ” ใช่ไหม ปร.๑- ใช่๒- สก. พระอริยบุคคลเมื่อราคะปราศไปแล้ว ท่านไม่ยอมรับว่า “ปราศจาก ราคะ” ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. พระอริยบุคคลเมื่อความไม่รู้ปราศไปแล้ว เมื่อจิตที่วิปปยุตจากญาณ เป็นไปอยู่ ท่านไม่ยอมรับว่า “มีญาณ” ใช่ไหม ปร. ใช่ @เชิงอรรถ : @ ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายมหาสังฆิกะ (อภิ.ปญฺจ.อ. ๖๑๔/๒๕๖) @ เพราะมีความเห็นว่า เมื่อโมหะสิ้นไป ด้วยอำนาจมรรคญาณในขณะที่เห็นรูปเป็นต้น จิต(ของพระอริยบุคคล) @เป็นจิตที่วิปปยุตจากญาณ ไม่ใช่เป็นจิตที่ประกอบด้วยมรรคญาณ จึงไม่ควรเรียกผู้นั้นว่า เป็นผู้มีญาณ @ซึ่งต่างกับความเห็นของสกวาทีที่เห็นว่า ควรเรียกว่า เป็นผู้มีญาณ ตามหลักปุคคลบัญญัติ @(อภิ.ปญฺจ.อ. ๖๑๔/๒๕๖) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๗ หน้า : ๖๗๐}

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๑๑. เอกาทสมวรรค]

๔. ญาณกถา (๑๐๙)

สก. พระอริยบุคคลเมื่อโทสะปราศไปแล้ว โมหะปราศไปแล้ว กิเลสปราศ ไปแล้ว ท่านไม่ยอมรับว่า “หมดกิเลส” ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. พระอริยบุคคลเมื่อราคะปราศไปแล้ว ท่านยอมรับว่า “ปราศจากราคะ” ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. พระอริยบุคคลเมื่อความไม่รู้ปราศไปแล้ว เมื่อจิตที่วิปปยุตจากญาณเป็น ไปอยู่ ท่านยอมรับว่า “มีญาณ” ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. พระอริยบุคคลเมื่อโทสะปราศไปแล้ว เมื่อโมหะปราศไปแล้ว เมื่อกิเลส ปราศไปแล้ว ท่านยอมรับว่า “หมดกิเลส” ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. พระอริยบุคคลเมื่อความไม่รู้ปราศไปแล้ว เมื่อจิตที่วิปปยุตจากญาณเป็น ไปอยู่ ท่านยอมรับว่า “มีญาณ” ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๖๑๕] ปร. พระอริยบุคคลเมื่อความไม่รู้ปราศไปแล้ว เมื่อจิตที่วิปปยุตจากญาณ เป็นไปอยู่ ท่านยอมรับว่า “มีญาณ” ใช่ไหม สก. ใช่ ปร. ชื่อว่ามีญาณ ด้วยญาณที่เป็นอดีต ชื่อว่ามีญาณ ด้วยญาณที่ดับไปแล้ว ปราศไปแล้ว ระงับไปแล้วใช่ไหม สก. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ญาณกถา จบ
{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๗ หน้า : ๖๗๑}


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๓๗ หน้าที่ ๖๗๐-๖๗๑. http://84000.org/tipitaka/pitaka3/m_siri.php?B=37&siri=128              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง]                   อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/pitaka3/v.php?B=37&A=14660&Z=14690                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=37&i=1449              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=37&item=1449&items=2              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=55&A=5769              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=37&item=1449&items=2              The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=55&A=5769                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu37              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/kv11.2/en/aung-rhysdavids



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :