บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
| |
ฉบับหลวง ฉบับมหาจุฬาฯ บาลีอักษรไทย PaliRoman |
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต [๓. ตติยปัณณาสก์]
๑. กัมมกรณวรรค ๕. อุปัญญาตสูตร
๕. อุปัญญาตสูตร ว่าด้วยธรรมที่เป็นเหตุให้ทรงรู้สัพพัญญุตญาณ [๕] ภิกษุทั้งหลาย เรารู้ทั่วถึงธรรม ๒ ประการ ธรรม ๒ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. ความไม่สันโดษเพียงแค่กุศลธรรมทั้งหลาย ๒. ความไม่ท้อถอยในการบำเพ็ญเพียร ภิกษุทั้งหลาย เราเริ่มตั้งความเพียรไม่ย่อหย่อนว่า จะเหลืออยู่แต่หนัง เอ็น และกระดูกก็ตามที เนื้อและเลือดในสรีระจงเหือดแห้งไปเถิด ยังไม่บรรลุผลที่พึง บรรลุด้วยเรี่ยวแรงของบุรุษ ด้วยความเพียรของบุรุษ ด้วยความบากบั่นของบุรุษแล้ว จักไม่หยุดความเพียร สัมโพธิญาณนั้นเราบรรลุได้ด้วยความไม่ประมาท ธรรม เป็นแดนเกษมจากโยคะที่ยอดเยี่ยม๑- เราก็บรรลุได้ด้วยความไม่ประมาท แม้ถ้าเธอ ทั้งหลายพึงตั้งความเพียรไม่ย่อหย่อนว่า จะเหลืออยู่แต่หนัง เอ็น และกระดูกก็ ตามที เนื้อและเลือดในสรีระจงเหือดแห้งไปเถิด ยังไม่บรรลุผลที่พึงบรรลุด้วย เรี่ยวแรงของบุรุษ ด้วยความเพียรของบุรุษ ด้วยความบากบั่นของบุรุษแล้ว จักไม่ หยุดความเพียร ไม่นานนักก็จักทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์ยอดเยี่ยม๒- อันเป็นที่สุดแห่ง พรหมจรรย์ที่กุลบุตรออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการด้วยปัญญาอัน ยิ่งเองเข้าถึงอยู่ในปัจจุบันแน่แท้ เพราะเหตุนั้นแล เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักเริ่มตั้งความ เพียรไม่ย่อหย่อนว่า จะเหลืออยู่แต่หนัง เอ็น และกระดูกก็ตามที เนื้อและเลือดใน สรีระจงเหือดแห้งไปเถิด ยังไม่บรรลุผลที่พึงบรรลุด้วยเรี่ยวแรงของบุรุษ ด้วยความ เพียรของบุรุษ ด้วยความบากบั่นของบุรุษแล้ว จักไม่หยุดความเพียร ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แลอุปัญญาตสูตรที่ ๕ จบ @เชิงอรรถ : @๑ ธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะที่ยอดเยี่ยม หมายถึงอรหัตตผลหรือนิพพาน (องฺ.ทุก.อ. ๒/๕/๗) @๒ ประโยชน์ยอดเยี่ยม ในที่นี้หมายถึงอรหัตตผลหรืออริยผลอันเป็นที่สุดแห่งมรรคพรหมจรรย์ @(องฺ.ทุก.อ. ๒/๕/๗, ม.ม.อ. ๒/๘๒/๘๐) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๐ หน้า : ๖๑}
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต [๓. ตติยปัณณาสก์]
๑. กัมมกรณวรรค ๗. กัณหสูตร
๖. สัญโญชนสูตร ว่าด้วยกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ [๖] ภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ ประการนี้ ธรรม ๒ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. การเห็นธรรมที่เป็นปัจจัยแห่งสังโยชน์โดยความพอใจ ๒. การเห็นธรรมที่เป็นปัจจัยแห่งสังโยชน์โดยความเบื่อหน่าย บุคคลผู้เห็นธรรมที่เป็นปัจจัยแห่งสังโยชน์โดยความพอใจอยู่ย่อมละราคะ โทสะ และโมหะไม่ได้ เรากล่าวว่า บุคคลยังละราคะ โทสะ และโมหะไม่ได้ ย่อมไม่พ้นจาก ชาติ(ความเกิด) ชรา(ความแก่) มรณะ(ความตาย) โสกะ(ความเศร้าโศก) ปริเทวะ (ความคร่ำครวญ) ทุกข์(ความทุกข์กาย) โทมนัส(ความทุกข์ใจ) อุปายาส(ความคับ แค้นใจ) และย่อมไม่พ้นจากทุกข์๑- บุคคลผู้เห็นธรรมที่เป็นปัจจัยแห่งสังโยชน์โดยความเบื่อหน่ายอยู่ย่อมละราคะ โทสะ และโมหะได้ เรากล่าวว่า บุคคลละราคะ โทสะ และโมหะได้แล้ว ย่อมพ้นจาก ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส และย่อมพ้นจากทุกข์ ภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ ประการนี้แลสัญโญชนสูตรที่ ๖ จบ ๗. กัณหสูตร ว่าด้วยธรรมฝ่ายดำ [๗] ภิกษุทั้งหลาย ธรรมฝ่ายดำ ๒ ประการนี้ ธรรมฝ่ายดำ ๒ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. อหิริกะ (ความไม่อายบาป) ๒. อโนตตัปปะ (ความไม่กลัวบาป) ภิกษุทั้งหลาย ธรรมฝ่ายดำ ๒ ประการนี้แลกัณหสูตรที่ ๗ จบ @เชิงอรรถ : @๑ หมายถึงทุกข์ในวัฏฏทุกข์ทั้งสิ้น (องฺ.ทุก.อ. ๒/๖/๘) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๐ หน้า : ๖๒}
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต [๓. ตติยปัณณาสก์]
๑. กัมมกรณวรรค ๙. จริยสูตร
๘. สุกกสูตร ว่าด้วยธรรมฝ่ายขาว [๘] ภิกษุทั้งหลาย ธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการนี้ ธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. หิริ (ความอายบาป) ๒. โอตตัปปะ (ความกลัวบาป) ภิกษุทั้งหลาย ธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการนี้แลสุกกสูตรที่ ๘ จบ ๙. จริยสูตร ว่าด้วยจริยธรรมคุ้มครองโลก [๙] ภิกษุทั้งหลาย ธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการย่อมคุ้มครองโลก๑- ธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. หิริ ๒. โอตตัปปะ ธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการนี้แล หากไม่คุ้มครองโลก ชาวโลกไม่พึงบัญญัติว่า มารดา น้า ป้า ภรรยาของอาจารย์ หรือภรรยาของครู โลกจักถึงความสำส่อน กันเหมือนพวกแพะ แกะ ไก่ หมู สุนัขบ้าน และสุนัขจิ้งจอกฉะนั้น ภิกษุทั้งหลาย แต่เพราะเหตุที่ธรรมฝ่ายขาว ๒ ประการนี้คุ้มครองโลก ฉะนั้น ชาวโลกจึงบัญญัติคำว่า มารดา น้า ป้า ภรรยาของอาจารย์ หรือภรรยาของครูจริยสูตรที่ ๙ จบ @เชิงอรรถ : @๑ โลก ในที่นี้หมายถึงสัตวโลก โลกคือหมู่สัตว์ (องฺ.ทุก.ฏีกา ๒/๙/๑๐) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๐ หน้า : ๖๓}
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต [๓. ตติยปัณณาสก์] ๒. อธิกรณวรรค
๑๐. วัสสูปนายิกสูตร ว่าด้วยการเข้าพรรษา [๑๐] ภิกษุทั้งหลาย การเข้าพรรษา ๒ อย่างนี้ การเข้าพรรษา ๒ อย่าง อะไรบ้าง คือ ๑. การเข้าพรรษาต้น ๒. การเข้าพรรษาหลัง ภิกษุทั้งหลาย การเข้าพรรษา ๒ อย่างนี้แลวัสสูปนายิกสูตรที่ ๑๐ จบ กัมมกรณวรรคที่ ๑ จบ รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ ๑. วัชชสูตร ๒. ปธานสูตร ๓. ตปนียสูตร ๔. อตปนียสูตร ๕. อุปัญญาตสูตร ๖. สัญโญชนสูตร ๗. กัณหสูตร ๘. สุกกสูตร ๙. จริยสูตร ๑๐. วัสสูปนายิกสูตรเนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๒๐ หน้าที่ ๖๑-๖๔. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_read.php?B=20&A=1642&w= http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=20&siri=29 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง] อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=1267&Z=1373&pagebreak=0 ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=247 ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=20&item=247&items=10 ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรโรมัน :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=20&item=247&items=10 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu20
บันทึก ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจาก พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯ. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]