บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
| |
ฉบับหลวง ฉบับมหาจุฬาฯ บาลีอักษรไทย PaliRoman |
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [๕. ปัญจมปัณณาสก์]
๑. สัปปุริสวรรค ๖. ทสมัคคสูตร
สัตบุรุษที่ยิ่งกว่าสัตบุรุษ เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ตนเองเป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมา- ทิฏฐิ ตนเองเป็นผู้มีสัมมาสังกัปปะและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาสังกัปปะ ตนเองเป็น ผู้มีสัมมาวาจาและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาวาจา ตนเองเป็นผู้มีสัมมากัมมันตะและ ชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมากัมมันตะ ตนเองเป็นผู้มีสัมมาอาชีวะและชักชวนผู้อื่นให้มี สัมมาอาชีวะ ตนเองเป็นผู้มีสัมมาวายามะและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาวายามะ ตนเอง เป็นผู้มีสัมมาสติและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาสติ ตนเองเป็นผู้มีสัมมาสมาธิและชักชวน ผู้อื่นให้มีสัมมาสมาธิ บุคคลนี้เรียกว่า สัตบุรุษที่ยิ่งกว่าสัตบุรุษอัฏฐังคิกสูตรที่ ๕ จบ ๖. ทสมัคคสูตร ว่าด้วยมรรค ๑๐ ประการ [๒๐๖] ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอสัตบุรุษและอสัตบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัตบุรุษ จักแสดงสัตบุรุษและสัตบุรุษที่ยิ่งกว่าสัตบุรุษ แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ๑- อสัตบุรุษ เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีมิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ๒- มีมิจฉาญาณะ มีมิจฉา- วิมุตติ บุคคลนี้เรียกว่า อสัตบุรุษ อสัตบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัตบุรุษ เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ตนเองเป็นผู้มีมิจฉาทิฏฐิและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฉา- ทิฏฐิ ฯลฯ๒- ตนเองเป็นผู้มีมิจฉาญาณะและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฉาญาณะ ตนเอง เป็นผู้มีมิจฉาวิมุตติและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฉาวิมุตติ บุคคลนี้เรียกว่า อสัตบุรุษที่ ยิ่งกว่าอสัตบุรุษ @เชิงอรรถ : @๑ ดูข้อความเต็มในข้อ ๒๐๒ (อัสสัทธสูตร) หน้า ๓๒๑ ในเล่มนี้ @๒ ดูข้อความเต็มในข้อ ๒๐๕ (อัฏฐังคิกสูตร) หน้า ๓๒๕ ในเล่มนี้ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๑ หน้า : ๓๒๖}
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [๕. ปัญจมปัณณาสก์]
๑. สัปปุริสวรรค ๗. ปฐมปาปธัมมสูตร
สัตบุรุษ เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ ฯลฯ๑- มีสัมมาญาณะ มี สัมมาวิมุตติ บุคคลนี้เรียกว่า สัตบุรุษ สัตบุรุษที่ยิ่งกว่าสัตบุรุษ เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ตนเองเป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมา- ทิฏฐิ ฯลฯ๑- ตนเองเป็นผู้มีสัมมาญาณะและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาญาณะ ตนเอง เป็นผู้มีสัมมาวิมุตติและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาวิมุตติ บุคคลนี้เรียกว่า สัตบุรุษที่ยิ่ง กว่าสัตบุรุษทสมัคคสูตรที่ ๖ จบ ๗. ปฐมปาปธัมมสูตร ว่าด้วยธรรมชั่วและธรรมดี สูตรที่ ๑ [๒๐๗] ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงคนชั่วและคนชั่วที่ยิ่งกว่าคนชั่ว จักแสดง คนดีและคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี๒- แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ๓- คนชั่ว เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ๔- เป็นมิจฉาทิฏฐิ บุคคลนี้เรียกว่า คนชั่ว คนชั่วที่ยิ่งกว่าคนชั่ว เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ตนเองเป็นผู้ฆ่าสัตว์และชักชวนผู้อื่นให้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ๔- ตนเองเป็นมิจฉาทิฏฐิและชักชวนผู้อื่นให้เป็นมิจฉาทิฏฐิ บุคคลนี้เรียกว่า คนชั่วที่ยิ่ง กว่าคนชั่ว @เชิงอรรถ : @๑ ดูข้อความเต็มในข้อ ๒๐๕ (อัฏฐังคิกสูตร) หน้า ๓๒๕-๓๒๖ ในเล่มนี้ @๒ ดู อภิ.ปุ. (แปล) ๓๖/๑๓๖-๑๓๙/๑๘๔-๑๘๕, ๑๔๐-๑๔๓/๑๘๕ @๓ ดูข้อความเต็มในข้อ ๒๐๒ (อัสสัทธสูตร) หน้า ๓๒๑ ในเล่มนี้ @๔ ดูข้อความเต็มในข้อ ๒๐๓ (สัตตกัมมสูตร) หน้า ๓๒๓ และข้อ ๒๐๔ (ทสกัมมสูตร) หน้า ๓๒๔ ในเล่มนี้ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๑ หน้า : ๓๒๗}
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [๕. ปัญจมปัณณาสก์]
๑. สัปปุริสวรรค ๘. ทุติยปาปธัมมสูตร
คนดี เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ๑- เป็นสัมมาทิฏฐิ บุคคลนี้เรียกว่า คนดี คนดีที่ยิ่งกว่าคนดี เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ตนเองเป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์และชักชวนผู้อื่น ให้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ๑- ตนเองเป็นสัมมาทิฏฐิและชักชวนผู้อื่นให้เป็น สัมมาทิฏฐิ บุคคลนี้เรียกว่า คนดีที่ยิ่งกว่าคนดีปฐมปาปธัมมสูตรที่ ๗ จบ ๘. ทุติยปาปธัมมสูตร ว่าด้วยธรรมชั่วและธรรมดี สูตรที่ ๒ [๒๐๘] ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงคนชั่วและคนชั่วที่ยิ่งกว่าคนชั่ว จักแสดง คนดีและคนดีที่ยิ่งกว่าคนดีแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ๒- คนชั่ว เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีมิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ๓- มีมิจฉาญาณะ(รู้ผิด) มี มิจฉาวิมุตติ(หลุดพ้นผิด) บุคคลนี้เรียกว่า คนชั่ว คนชั่วที่ยิ่งกว่าคนชั่ว เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ตนเองเป็นผู้มีมิจฉาทิฏฐิและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฉา- ทิฏฐิ ฯลฯ๓- ตนเองเป็นผู้มีมิจฉาญาณะและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฉาญาณะ ตนเองเป็น ผู้มีมิจฉาวิมุตติและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฉาวิมุตติ บุคคลนี้เรียกว่า คนชั่วที่ยิ่งกว่าคนชั่ว คนดี เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ ฯลฯ๓- มีสัมมาญาณะ มี สัมมาวิมุตติ บุคคลนี้เรียกว่า คนดี @เชิงอรรถ : @๑ ดูข้อความเต็มในข้อ ๒๐๓ (สัตตกัมมสูตร) หน้า ๓๒๓ และข้อ ๒๐๔ (ทสกัมมสูตร) หน้า ๓๒๔ ในเล่มนี้ @๒ ดูข้อความเต็มในข้อ ๒๐๒ (อัสสัทธสูตร) หน้า ๓๒๑ ในเล่มนี้ @๓ ดูข้อความเต็มในข้อ ๒๐๕ (อัฏฐังคิกสูตร) หน้า ๓๒๕ และข้อ ๒๐๖ (ทสมัคคสูตร) หน้า ๓๒๖-๓๒๗ ในเล่มนี้ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๑ หน้า : ๓๒๘}
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [๕. ปัญจมปัณณาสก์]
๑. สัปปุริสวรรค ๙. ตติยปาปธัมมสูตร
คนดีที่ยิ่งกว่าคนดี เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ตนเองเป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมา- ทิฏฐิ ฯลฯ๑- ตนเองเป็นผู้มีสัมมาญาณะและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาญาณะ ตนเอง เป็นผู้มีสัมมาวิมุตติและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาวิมุตติ บุคคลนี้เรียกว่า คนดีที่ยิ่งกว่า คนดีทุติยปาปธัมมสูตรที่ ๘ จบ ๙. ตติยปาปธัมมสูตร ว่าด้วยธรรมชั่วและธรรมดี สูตรที่ ๓ [๒๐๙] ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงบุคคลผู้มีธรรมชั่วและบุคคลผู้มีธรรมชั่วที่ ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมชั่ว จักแสดงบุคคลผู้มีธรรมดีและบุคคลผู้มีธรรมดีที่ยิ่งกว่า บุคคลผู้มีธรรมดีแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ๒- บุคคลผู้มีธรรมชั่ว เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ๓- เป็นมิจฉาทิฏฐิ บุคคลนี้เรียกว่า บุคคลผู้มีธรรมชั่ว บุคคลผู้มีธรรมชั่วที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมชั่ว เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ตนเองเป็นผู้ฆ่าสัตว์และชักชวนผู้อื่นให้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ๓- ตนเองเป็นมิจฉาทิฏฐิและชักชวนผู้อื่นให้เป็นมิจฉาทิฏฐิ บุคคลนี้เรียกว่า บุคคลผู้มี ธรรมชั่วที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมชั่ว บุคคลผู้มีธรรมดี เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ๓- เป็นสัมมาทิฏฐิ บุคคลนี้เรียกว่า บุคคลผู้มีธรรมดี @เชิงอรรถ : @๑ ดูข้อความเต็มในข้อ ๒๐๕ (อัฏฐังคิกสูตร) หน้า ๓๒๖ และข้อ ๒๐๖ (ทสมัคคสูตร) หน้า ๓๒๗ ในเล่มนี้ @๒ ดูข้อความเต็มในข้อ ๒๐๒ (อัสสัทธสูตร) หน้า ๓๒๑ ในเล่มนี้ @๓ ดูข้อความเต็มในข้อ ๒๐๓ (สัตตกัมมสูตร) หน้า ๓๒๓ และข้อ ๒๐๔ (ทสกัมมสูตร) หน้า ๓๒๔ ในเล่มนี้ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๑ หน้า : ๓๒๙}
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [๕. ปัญจมปัณณาสก์]
๑. สัปปุริสวรรค ๑๐. จตุตถปาปธัมมสูตร
บุคคลผู้มีธรรมดีที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมดี เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ตนเองเป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์และชักชวนผู้อื่น ให้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ๑- ตนเองเป็นสัมมาทิฏฐิและชักชวนผู้อื่นให้เป็นสัมมาทิฏฐิ บุคคลนี้เรียกว่า บุคคลผู้มีธรรมดีที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมดีตติยปาปธัมมสูตรที่ ๙ จบ ๑๐. จตุตถปาปธัมมสูตร ว่าด้วยธรรมชั่วและธรรมดี สูตรที่ ๔ [๒๑๐] ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงบุคคลผู้มีธรรมชั่วและบุคคลผู้มีธรรมชั่วที่ ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมชั่ว จักแสดงบุคคลผู้มีธรรมดีและบุคคลผู้มีธรรมดีที่ยิ่งกว่า บุคคลผู้มีธรรมดี แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ๒- บุคคลผู้มีธรรมชั่ว เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีมิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ๓- มีมิจฉาญาณะ มีมิจฉา- วิมุตติ บุคคลนี้เรียกว่า บุคคลผู้มีธรรมชั่ว บุคคลผู้มีธรรมชั่วที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมชั่ว เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ตนเองเป็นผู้มีมิจฉาทิฏฐิและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฉา- ทิฏฐิ ฯลฯ๓- ตนเองเป็นผู้มีมิจฉาญาณะและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฉาญาณะ ตนเอง เป็นผู้มีมิจฉาวิมุตติและชักชวนผู้อื่นให้มีมิจฉาวิมุตติ บุคคลนี้เรียกว่า บุคคลผู้มี ธรรมชั่วที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมชั่ว บุคคลผู้มีธรรมดี เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ตนเองเป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ ฯลฯ๓- มีสัมมาญาณะ มีสัมมาวิมุตติ บุคคลนี้เรียกว่า บุคคลผู้มีธรรมดี @เชิงอรรถ : @๑ ดูข้อความเต็มในข้อ ๒๐๓ (สัตตกัมมสูตร) หน้า ๓๒๓ และข้อ ๒๐๔ (ทสกัมมสูตร) หน้า ๓๒๔ ในเล่มนี้ @๒ ดูข้อความเต็มในข้อ ๒๐๒ (อัสสัทธสูตร) หน้า ๓๒๑ ในเล่มนี้ @๓ ดูข้อความเต็มในข้อ ๒๐๕ (อัฏฐังคิกสูตร) หน้า ๓๒๕ และข้อ ๒๐๖ (ทสมัคคสูตร) หน้า ๓๒๖-๓๒๗ ในเล่มนี้ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๑ หน้า : ๓๓๐}
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [๕. ปัญจมปัณณาสก์]
๒. โสภณวรรค ๑. ปริสาสูตร
บุคคลผู้มีธรรมดีที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมดี เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ตนเองเป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาทิฏฐิ ฯลฯ๑- ตนเองเป็นผู้มีสัมมาญาณะและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาญาณะ ตนเองเป็นผู้มี สัมมาวิมุตติและชักชวนผู้อื่นให้มีสัมมาวิมุตติ บุคคลนี้เรียกว่า บุคคลผู้มีธรรมดีที่ยิ่ง กว่าบุคคลผู้มีธรรมดีจตุตถปาปธัมมสูตรที่ ๑๐ จบ สัปปุริสวรรคที่ ๑ จบ รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ ๑. สิกขาปทสูตร ๒. อัสสัทธสูตร ๓. สัตตกัมมสูตร ๔. ทสกัมมสูตร ๕. อัฏฐังคิกสูตร ๖. ทสมัคคสูตร ๗. ปฐมปาปธัมมสูตร ๘. ทุติยปาปธัมมสูตร ๙. ตติยปาปธัมมสูตร ๑๐. จตุตถปาปธัมมสูตรเนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๒๑ หน้าที่ ๓๒๖-๓๓๑. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_read.php?B=21&A=9731&w= http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=21&siri=137 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]. อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=21&A=5845&Z=6072&pagebreak=0 ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=21&i=201 ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=21&item=201&items=10 ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรโรมัน :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=21&item=201&items=10 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu21
บันทึก ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจาก พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯ. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]