ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
๑๔. ธัมมิกสูตร
ว่าด้วยพระพุทธพจน์ตรัสโปรดธัมมิกอุบาสก
ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิก- เศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น ธัมมิกอุบาสกพร้อมด้วยอุบาสก ๕๐๐ คน เข้าไป เฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้ว นั่ง ณ ที่สมควร ได้กราบทูล ด้วยคาถาว่า [๓๗๙] ข้าแต่พระโคดมผู้มีพระปัญญาอันไพบูลย์ ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์ว่า บรรดาสาวกที่ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต กับสาวกที่เป็นอุบาสกอยู่ครองเรือนนั้น สาวกที่ปฏิบัติตนอย่างไร จึงชื่อว่า เป็นสาวกที่ดี [๓๘๐] พระองค์เท่านั้นทรงทราบชัดคติ๑- และความข้ามพ้นไปจากคติ @เชิงอรรถ : @ คติ หมายถึงการไปหรือภพที่สัตว์ไปเกิด มี ๕ คือ (๑) นรก (๒) กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน (๓) แดนเปรต @(๔) มนุษย์ (๕) เทพ (ขุ.สุ.อ. ๒/๓๘๐/๑๘๘) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๕๘๘}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต [๒. จูฬวรรค]

๑๔. ธัมมิกสูตร

ของชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก ไม่มีใครที่เล็งเห็นประโยชน์ได้สุขุมลุ่มลึกเท่ากับพระองค์ บัณฑิตทั้งหลายพากันขนานนามพระองค์ว่า เป็นพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ [๓๘๑] พระองค์ผู้ทรงรู้แจ้งเญยยธรรม ทรงอนุเคราะห์เหล่าสัตว์ ได้ทรงประกาศพระญาณและธรรมทั้งปวง ข้าแต่พระองค์ผู้มีสมันตจักขุ พระองค์ไม่มีกิเลสดุจเครื่องปิดบังอันเปิดแล้ว ทรงปราศจากมลทิน รุ่งเรืองอยู่ในโลกทั้งปวง [๓๘๒] พญาช้างเอราวัณ๑- ทราบว่าพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ทรงชนะบาปธรรมได้แล้ว จึงเข้าไปเฝ้าพระองค์ถึงที่ประทับ พญาช้างแม้นั้นได้ปรึกษาทูลถามปัญหากับพระองค์ ฟังคำพยากรณ์แล้ว ได้บรรลุธรรม มีความยินดีเปล่งสาธุการแล้วจากไป [๓๘๓] ถึงแม้ท้าวเวสวัณ ซึ่งมีพระนามเดิมว่า ท้าวกุเวร ก็ยังเสด็จเข้ามาเฝ้ากราบทูลถามปัญหาธรรม พระองค์แม้ถูกท้าวเวสวัณนั้นทูลถาม ก็ยังตรัสตอบจนท้าวเธอสดับแล้วมีความชื่นชมยินดีจากไป [๓๘๔] ชนต่างๆ เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นพวกเดียรถีย์อาชีวกหรือนิครนถ์ ผู้ชอบกล่าวยกตนข่มผู้อื่นทั้งหมด ย่อมไม่เกินเหนือพระองค์ด้วยปัญญา เหมือนคนที่หยุดอยู่ ไม่ทันคนที่เดินเร็วและไม่หยุด ฉะนั้น @เชิงอรรถ : @ ช้างเอราวัณ หมายถึงเทพบุตรชื่อเอราวัณเนรมิตกายเป็นพญาช้าง (ขุ.สุ.อ. ๒/๓๘๒/๑๘๘) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๕๘๙}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต [๒. จูฬวรรค]

๑๔. ธัมมิกสูตร

[๓๘๕] พวกพราหมณ์ผู้เฒ่า ที่มีปกติกล่าววาทะเหล่าใดเหล่าหนึ่งก็ดี และพราหมณ์เหล่าอื่นที่สำคัญอยู่ว่า เราทั้งหลายผู้มีปกติทำวาทะก็ดี ชนเหล่านั้นทั้งหมด ล้วนแต่ได้รับประโยชน์จากพระองค์ [๓๘๖] ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ธรรมนี้๑- ที่พระองค์ทรงแสดงอย่างดีละเอียด และก่อให้เกิดสุขอย่างแท้จริง ข้าพระองค์ทั้งหมดตั้งใจฟังธรรมนั้น ข้าแต่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ขอพระองค์โปรดตรัสพยากรณ์ปัญหา ที่พวกข้าพระองค์ทูลถามแล้วด้วยเถิด [๓๘๗] ภิกษุพร้อมทั้งอุบาสกนี้ทั้งหมด ผู้นั่งประชุมกัน ณ ที่นี้ เพื่อต้องการจะฟัง จะตั้งใจฟังธรรมที่พระผู้มีพระภาค ผู้ทรงปราศจากมลทินตรัสรู้แล้ว เหมือนทวยเทพต่างตั้งใจฟังสุภาษิตของท้าววาสวะ ฉะนั้น [๓๘๘] (พระผู้มีพระภาคตรัสดังนี้) ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงตั้งใจฟังเรา เราจะให้เธอได้สดับธรรมคือข้อปฏิบัติกำจัดกิเลส และขอพวกเธอทั้งหมดจงประพฤติธรรมนั้น ภิกษุผู้มีปัญญาพิจารณาเห็นประโยชน์ ควรปฏิบัติตนอยู่ทุกอิริยาบถที่สมควรแก่บรรพชิต @เชิงอรรถ : @ ธรรม ในที่นี้หมายถึงโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ (ขุ.สุ.อ. ๒/๓๘๖/๑๙๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๕๙๐}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต [๒. จูฬวรรค]

๑๔. ธัมมิกสูตร

[๓๘๙] ภิกษุไม่ควรออกเที่ยวไปในเวลาวิกาล แต่ควรเที่ยวบิณฑบาตในหมู่บ้านตามเวลา เพราะว่าภิกษุผู้ออกเที่ยวในเวลาวิกาล กิเลสเครื่องข้อง๑- จะครอบงำ เพราะฉะนั้น บุคคลผู้รู้ทั้งหลายจึงไม่ออกเที่ยวในเวลาวิกาล [๓๙๐] ภิกษุควรกำจัดความพอใจในกามคุณ ๕ เหล่านี้ คือ รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสที่ทำให้เหล่าสัตว์หลงมัวเมา เข้าไปยังโอกาสที่จะพึงบริโภคอาหารในเวลาเช้า ตามกาล [๓๙๑] อนึ่ง ภิกษุได้อาหารบิณฑบาตมาฉันภายในเวลาแล้ว ควรกลับไปนั่งในที่สงัดตามลำพัง ควบคุมอัตภาพคือจิตได้อย่างมั่นคงแล้ว กำหนดจิตพิจารณาอารมณ์ภายใน ไม่ปล่อยจิตไปในอารมณ์ภายนอก [๓๙๒] ถ้าแม้ภิกษุนั้นจำเป็นจะต้องสนทนากับสาวกอื่นๆ หรือภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ก็ควรสนทนาธรรมที่ประณีต๒- นั้น ไม่ควรกล่าวคำสอนส่อเสียดกระทบว่าร้ายผู้อื่น [๓๙๓] มีคนพวกหนึ่งชอบกล่าววาทะโต้เถียงกัน เราไม่สรรเสริญคนพวกนั้นผู้มีปัญญาน้อย เพราะกิเลสเครื่องข้องที่เกิดจากการกล่าววาจาโต้เถียงกันนั้น จะครอบงำคนพวกนั้น เพราะพวกเขา (เมื่อโต้เถียงกัน) ย่อมทำจิตให้ไกลจากการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนา @เชิงอรรถ : @ ดูเชิงอรรถที่ ๑ หน้า ๑๔๙ ในเล่มนี้ @ ธรรมที่ประณีต หมายถึงกถาวัตถุ ๑๐ ประการ (ขุ.สุ.อ. ๒/๓๙๒/๑๙๕) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๕๙๑}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต [๒. จูฬวรรค]

๑๔. ธัมมิกสูตร

[๓๙๔] สาวกผู้มีปัญญาดี ฟังธรรมที่พระสุคตพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว พิจารณาอาหารบิณฑบาต ที่อยู่อาศัย ที่นอนที่นั่ง น้ำใช้น้ำฉัน และการซักผ้าสังฆาฏิที่สกปรกให้สะอาดแล้วจึงใช้สอยปัจจัย [๓๙๕] เพราะฉะนั้น ภิกษุจึงไม่ควรเป็นผู้ยึดติดในสิ่งเหล่านี้ คือ อาหารบิณฑบาต ที่นอนที่นั่ง น้ำใช้น้ำฉัน และการซักผ้าสังฆาฏิที่สกปรกให้สะอาดนี้ เหมือนหยาดน้ำไม่ติดบนใบบัว ฉะนั้น [๓๙๖] ต่อไปนี้ เราจะบอกข้อปฏิบัติของคฤหัสถ์แก่พวกเธอ คือสาวกที่เป็นคฤหัสถ์ประพฤติอย่างไร จึงยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ จริงอยู่ สาวกที่ยังมีความหวงแหนในไร่นาเป็นต้น ไม่สามารถที่จะบรรลุธรรมของภิกษุล้วนๆ ได้ [๓๙๗] สาวกที่เป็นคฤหัสถ์ยกโทษในสัตว์ทุกจำพวก ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ที่ยังหวาดสะดุ้ง และที่มั่นคงในโลกแล้ว ไม่พึงฆ่าเอง ไม่พึงใช้ให้ผู้อื่นฆ่า และไม่พึงอนุญาตให้ใครๆ ฆ่า [๓๙๘] จากนั้น สาวกที่เป็นคฤหัสถ์ รู้อยู่ ควรงดเว้นการถือเอาสิ่งของต่างๆ ในทุกหนทุกแห่ง ที่เจ้าของมิได้ให้ คือ ไม่พึงลักเอง ไม่พึงใช้ให้ผู้อื่นลัก และไม่พึงอนุญาตให้ใครๆ ลัก พึงงดเว้นการถือเอาสิ่งของทั้งปวงที่เจ้าของมิได้ให้โดยเด็ดขาด [๓๙๙] สาวกที่เป็นคฤหัสถ์ ผู้เข้าใจชัดแจ้ง ควรงดเว้นพฤติกรรมอันมิใช่พรหมจรรย์ เหมือนคนเดินหลีกหลุมถ่านเพลิงที่มีไฟลุกโชน ฉะนั้น แต่เมื่อไม่สามารถประพฤติพรหมจรรย์ได้ ก็ไม่ควรล่วงเกินภรรยาของผู้อื่น [๔๐๐] สาวกผู้อยู่ในที่ประชุม หรือในที่สาธารณชน และอยู่กับคนคนเดียว ไม่ควรพูดเท็จ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๕๙๒}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต [๒. จูฬวรรค]

๑๔. ธัมมิกสูตร

ไม่ควรใช้ให้ผู้อื่นพูดเท็จ และไม่ควรอนุญาตให้ใครๆ พูดเท็จ ควรงดเว้นคำพูดที่ไม่เป็นจริงทั้งหมด [๔๐๑] สาวกผู้เป็นคฤหัสถ์ไม่ควรประพฤติการดื่มน้ำเมา ควรยินดีชอบใจธรรมคือการงดเว้นการดื่มน้ำเมานี้ ไม่ควรชักชวนผู้อื่นให้ดื่ม และไม่ควรอนุญาตให้ใครๆ ดื่ม เพราะรู้ชัดถึงโทษของการดื่มน้ำเมานั้นว่า มีความเป็นบ้าในที่สุด [๔๐๒] เพราะความเมานั่นเอง คนพาลทั้งหลายจึงทำบาปต่างๆ ได้ ทั้งยังชักชวนคนอื่นๆ ผู้ประมาทให้ทำอีกด้วย สาวกที่เป็นคฤหัสถ์จึงควรงดเว้นการดื่มน้ำเมา ที่ไม่เป็นบ่อเกิดแห่งความดี มีแต่ทำให้เป็นบ้า หลงลืม ที่พวกคนปัญญาทรามชอบดื่มกันนี้ [๔๐๓] สาวกที่เป็นคฤหัสถ์ไม่ควรฆ่าสัตว์ ไม่ควรลักทรัพย์ ไม่ควรพูดเท็จ ไม่ควรดื่มน้ำเมา ควรงดเว้นจากเมถุนที่เป็นความประพฤติไม่ประเสริฐ ไม่ควรบริโภคอาหารในเวลาวิกาลในเวลากลางคืน [๔๐๔] ไม่ควรทัดทรงดอกไม้ ไม่ควรลูบไล้กายด้วยของหอม ควรนอนบนเตียง บนพื้น หรือบนที่ที่ปูลาดไว้ บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า อุโบสถที่ประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แล พระพุทธเจ้าผู้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ทรงประกาศไว้๑- [๔๐๕] และต่อไป สาวกที่เป็นคฤหัสถ์ผู้มีใจเลื่อมใส ควรเข้าจำอุโบสถที่ประกอบด้วยองค์ ๘ ให้บริบูรณ์ดี ทุกวัน ๘ ค่ำ ๑๔ ค่ำ หรือ ๑๕ ค่ำแห่งปักษ์ และตลอดปาฏิหาริกปักษ์๒- @เชิงอรรถ : @ ข้อ ๔๐๓-๔๐๔ ดูเทียบ องฺ.ติก. (แปล) ๒๐/๗๑/๒๘๙-๒๙๐, องฺ.อฏฺฐก. (แปล) ๒๓/๔๓/๓๐๘ @ ปาฏิหาริกปักษ์ หมายถึงกำหนดเวลา ๕ เดือน คือ เดือน ๘ ต้นแห่งวันเข้าพรรษา, ๓ เดือนภายในพรรษา, @เดือน ๑๒ (ขุ.สุ.อ. ๒/๔๐๕/๑๙๙) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๕๙๓}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต [๒. จูฬวรรค]

รวมพระสูตรที่มีในวรรค

[๔๐๖] อันดับต่อไป สาวกที่เป็นคฤหัสถ์ผู้เข้าจำอุโบสถแต่เช้า มีจิตเลื่อมใส เบิกบานใจอยู่เนืองๆ มีปัญญาเข้าใจแจ้งชัด ควรแจกจ่ายถวายข้าวน้ำแด่ภิกษุสงฆ์ตามสมควร [๔๐๗] สาวกที่เป็นคฤหัสถ์นั้น ควรบำรุงเลี้ยงมารดาบิดาโดยชอบธรรม ควรประกอบการค้าขายที่ชอบธรรม๑- เป็นผู้ไม่ประมาทประพฤติวัตรแห่งคฤหัสถ์นี้อยู่ ย่อมไปเกิดในหมู่เทพที่ชื่อว่าสยัมปภา๒-
ธัมมิกสูตรที่ ๑๔ จบ
จูฬวรรคที่ ๒ จบ
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. รตนสูตร ๒. อามคันธสูตร ๓. หิริสูตร ๔. มงคลสูตร ๕. สูจิโลมสูตร ๖. ธัมมจริยสูตร ๗. พราหมณธัมมิกสูตร ๘. นาวาสูตร ๙. กิงสีลสูตร ๑๐. อุฏฐานสูตร ๑๑. ราหุลสูตร ๑๒. วังคีสสูตร ๑๓. สัมมาปริพพาชนียสูตร ๑๔. ธัมมิกสูตร @เชิงอรรถ : @ การค้าขายที่ชอบธรรม หมายถึงการค้าขายที่เว้นจากการค้าที่ไม่ชอบธรรม ๕ อย่าง คือ (๑) สัตถวณิชชา @(ค้าขายอาวุธ) (๒) สัตตวณิชชา (ค้าขายมนุษย์) (๓) มังสวณิชชา (ค้าขายเนื้อสัตว์) (๔) มัชชวณิชชา @(ค้าขายน้ำเมา) (๕) วิสวณิชชา (ค้าขายยาพิษ) (ขุ.สุ.อ. ๒/๔๐๗/๒๐๐) @ สยัมปภา หมายถึงหมู่เทวดาที่มีแสงสว่างในตัว มีอยู่ในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น (ขุ.สุ.อ. ๒/๔๐๗/๒๐๐) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๕๙๔}


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๒๕ หน้าที่ ๕๘๘-๕๙๔. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=25&siri=253              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2].                   อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=8275&Z=8387                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=332              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=25&item=332&items=2              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=29&A=4213              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=25&item=332&items=2              The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=29&A=4213                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu25              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://84000.org/tipitaka/english/metta.lk/25i314-e.php#sutta14 https://accesstoinsight.org/tipitaka/kn/snp/snp.2.14.irel.html https://suttacentral.net/snp2.14/en/mills https://suttacentral.net/snp2.14/en/sujato



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :