ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒
พระอุบาลีทูลถามปัพพาชนียกรรมเป็นต้น
[๑๙๙] ครั้งนั้น ท่านพระอุบาลีเข้าไปในพุทธสำนัก ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า กรรมที่ควรทำในที่ พร้อมหน้า แต่สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน กลับทำในที่ลับหลัง การกระทำนั้นชื่อว่ากรรมเป็นธรรม เป็นวินัยหรือหนอ พระพุทธเจ้าข้า? พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อุบาลี การกระทำนั้นชื่อว่า กรรมไม่เป็นธรรมไม่เป็นวินัย อุ. สงฆ์พร้อมเพรียงกัน ทำกรรมที่ควรสอบถาม แต่ทำโดยไม่สอบถาม .... ทำกรรม ที่ควรทำตามปฏิญาณ โดยมิได้ปฏิญาณ .... ให้อมูฬหวินัยแก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ทำตัสสปาปิยสิกา กรรมแก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย .... ทำตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม .... ทำนิยสกรรม แก่ภิกษุผู้ควรตัชชนียกรรม .... ทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรนิยสกรรม .... ทำปฏิสารนียกรรมแก่ ภิกษุผู้ควรปัพพาชนียกรรม .... ทำอุเขปนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปฏิสารนียกรรม .... ให้ปริวาสแก่ภิกษุ ผู้ควรอุกเขปนียกรรม .... ชักภิกษุผู้ควรปริวาสเข้าหาอาบัติเดิม .... ให้มานัตแก่ภิกษุผู้ควรชักเข้าหา อาบัติเดิม .... อัพภานภิกษุผู้ควรมานัต .... ให้ภิกษุผู้ควรอัพภาณให้อุปสมบทกุลบุตร การกระทำนั้น ชื่อว่ากรรมเป็นธรรม เป็นวินัยหรือหนอ พระพุทธเจ้าข้า? ภ. อุบาลี การกระทำนั้นชื่อว่า กรรมไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย กรรมที่ควรทำในที่ พร้อมหน้า แต่สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันกลับทำเสียในที่ลับหลัง อย่างนี้แลอุบาลี ชื่อว่ากรรมไม่ เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย และการกระทำอย่างนี้ สงฆ์ย่อมมีโทษ อุบาลี สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันทำกรรมที่ควรสอบถาม แต่ทำโดยไม่สอบถาม .... ทำกรรม ที่ควรทำตามปฏิญาณ โดยมิได้ปฏิญาณ .... ให้อมูฬหวินัยแก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ทำตัสสปาปิยสิกา กรรมแก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัยทำตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม .... ทำนิยสกรรม แก่ภิกษุผู้ควรตัชชนียกรรม .... ทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรนิยสกรรม .... ทำปฏิสารณียกรรม แก่ภิกษุผู้ควรปัพพาชนียกรรม .... ทำอุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปฏิสารณียกรรม .... ให้ปริวาส แก่ภิกษุผู้ควรอุกเขปนียกรรม .... ชักภิกษุผู้ควรปริวาสเข้าหาอาบัติเดิม .... ให้มานัตแก่ภิกษุผู้ควร ชักเข้าหาอาบัติเดิม .... อัพภาณภิกษุผู้ควรมานัต .... ให้ภิกษุผู้ควรอัพภานให้อุปสมบทกุลบุตร อย่างนี้ แลอุบาลี ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย และการกระทำอย่างนี้ สงฆ์ย่อมมีโทษ [๒๐๐] อุ. กรรมที่ควรทำในที่พร้อมหน้า สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันทำในที่พร้อมหน้า การกระทำนั้นชื่อว่า กรรมเป็นธรรมวินัยหรือหนอ พระพุทธเจ้าข้า? ภ. อุบาลี การกระทำนั้นชื่อว่า กรรมเป็นธรรม เป็นวินัย อุ. สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ทำกรรมที่ควรสอบถามแล้วทำโดยการสอบถาม .... ทำกรรม ที่ควรทำตามปฏิญาณ โดยการปฏิญาณ .... ให้สติวินัยแก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ให้อมูฬหวินัย .... แก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย .... ทำตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม .... ทำตัชชนีย- *กรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัชชนียกรรม .... ทำนิยสกรรมแก่ภิกษุผู้ควรนิยสกรรม .... ทำปัพพาชนียกรรม แก่ภิกษุผู้ควรปัพพาชนียกรรม .... ทำปฏิสารณียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปฏิสารณียกรรม .... ทำอุกเขปนีย- *กรรมแก่ภิกษุผู้ควรอุกเขปนียกรรม .... ให้ปริวาสแก่ภิกษุผู้ควรปริวาส .... ชักเข้าหาอาบัติเดิมซึ่งภิกษุ ผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม .... ให้มานัตแก่ภิกษุผู้ควรมานัต .... อัพภานภิกษุผู้ควรอัพภาน .... อุปสมบท กุลบุตรผู้ควรอุปสมบท การกระทำนั้นชื่อว่า กรรมเป็นธรรม เป็นวินัยหรือหนอ พระพุทธเจ้าข้า? ภ. อุบาลี การกระทำนั้นชื่อว่า กรรมเป็นธรรม เป็นวินัย กรรมที่ควรทำในที่พร้อมหน้า สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันทำในที่พร้อมหน้า อย่างนี้แล อุบาลี ชื่อว่า กรรมเป็นธรรม เป็นวินัย และการกระทำอย่างนี้ สงฆ์ย่อมไม่มีโทษ. อุบาลี สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันทำกรรมที่ควรสอบถามแล้วทำโดยสอบถาม .... ทำกรรม ที่ควรทำตามปฏิญาณ โดยการปฏิญาณ .... ให้สติวินัยแก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ให้อมูฬวินัยแก่ภิกษุ ผู้ควรอมูฬหวินัย .... ทำตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม .... ทำตัชชนียกรรม แก่ภิกษุผู้ควรตัชชนียกรรม .... ทำนิยสกรรมแก่ภิกษุผู้ควรนิยสกรรม .... ทำปัพพาชนียกรรมแก่ ภิกษุผู้ควรปัพพาชนียกรรม .... ทำปฏิสารณียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปฏิสารณียกรรม .... ทำอุกเขปนีย- *กรรมแก่ภิกษุผู้ควรอุกเขปนียกรรม .... ให้ปริวาสแก่ภิกษุผู้ควรปริวาส .... ชักเข้าหาอาบัติเดิมซึ่ง ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม .... ให้มานัตแก่ภิกษุผู้ควรมานัต .... อัพภานภิกษุผู้ควรอัพภาน .... อุปสมบทกุลบุตรผู้ควรอุปสมบท อย่างนี้แล อุบาลี ชื่อว่ากรรมเป็นธรรม เป็นวินัย และการ กระทำอย่างนี้ สงฆ์ย่อมไม่มีโทษ. [๒๐๑] อุ. สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ให้อมูฬหวินัยแก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ให้สติวินัย แก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย การกระทำนั้นชื่อว่า กรรมเป็นธรรมเป็นวินัยหรือหนอ พระพุทธเจ้าข้า? ภ. อุบาลี การกระทำนั้นชื่อว่า กรรมไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย. อุ. สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันทำตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย .... ให้อมูฬห- *วินัยแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม .... ทำตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัสสาปาปิยสิกากรรม .... ทำตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุควรตัชชนียกรรม .... ทำนิยสกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัชชนียกรรม .... ทำตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรนิยสกรรม .... ทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรนิยสกรรม .... ทำ นิยสกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปัพพาชนียกรรม .... ทำปฏิสารณียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปัพพาชนียกรรม .... ทำ ปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปฏิสารณียกรรม .... ทำอุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปฏิสารณียกรรม .... ทำปฏิสารณียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรอุกเขปนียกรรม .... ให้ปริวาสแก่ภิกษุผู้ควรอุกเขปนียกรรม .... ทำ อุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปริวาส .... ชักภิกษุผู้ควรปริวาสเข้าหาอาบัติเดิม .... ให้ปริวาสแก่ ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม .... ให้มานัตแก่ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม .... ชักภิกษุผู้ควรมานัต เข้าหาอาบัติเดิม .... อัพภานภิกษุผู้ควรมานัต .... ให้มานัตแก่ภิกษุผู้ควรอัพภาน .... ให้ภิกษุผู้ควร อัพภานให้อุปสมบทกุลบุตร .... อัพภานกุลบุตรผู้ควรอุปสมบท การกระทำนั้นชื่อว่ากรรมเป็นธรรม เป็นวินัยหรือหนอ พระพุทธเจ้าข้า? ภ. อุบาลี การกระทำนั้นชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัยอุบาลี สงฆ์ผู้พร้อมเพรียง กันให้อมูฬหวินัยแก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ให้สติวินัยแก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย อย่างนี้แล อุบาลี ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย และการกระทำอย่างนี้ สงฆ์ย่อมมีโทษ. สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ทำตัสสปาปิยสิกรรมแก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย .... ให้อมูฬหวินัย แก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม .... ทำตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม .... ทำ ตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัชชนียกรรม ทำนิยสกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัชชนียกรรม .... ทำ ตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรนิยสกรรม .... ทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรนิยสกรรม .... ทำนิยส- *กรรมแก่ภิกษุผู้ควรปัพพาชนียกรรม ทำปฏิสารณียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปัพพาชนียกรรม .... ทำ ปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปฏิสารณียกรรม .... ทำอุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปฏิสารณีย- *กรรม .... ทำปฏิสารณียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรอุกเขปนียกรรม .... ให้ปริวาสแก่ภิกษุผู้ควรอุกเขปนีย กรรม .... ทำอุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปริวาส .... ชักภิกษุผู้ควรปริวาสเข้าหาอาบัติเดิม .... ให้ ปริวาสแก่ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม .... ให้มานัตแก่ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม .... ชักภิกษุ ผู้ควรมานัตเข้าหาอาบัติเดิม .... อัพภานภิกษุผู้ควรมานัต .... ให้มานัตแก่ภิกษุผู้ควรอัพภาน .... ให้ ภิกษุผู้ควรอัพภานอุปสมบทกุลบุตร .... อัพภานกุลบุตรผู้ควรอุปสมบท อย่างนี้แล อุบาลี ชื่อว่า กรรมไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย และการกระทำอย่างนี้ สงฆ์ย่อมมีโทษ. [๒๐๒] อุ. สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ให้สติวินัยแก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ให้อมูฬหวินัย แก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย การกระทำนั้น ชื่อว่ากรรมเป็นธรรมเป็นวินัย หรือหนอ พระพุทธเจ้าข้า? ภ. อุบาลี การกระทำนั้นชื่อว่ากรรมเป็นธรรม เป็นวินัย. อุ. สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ให้อมูฬหวินัยแก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย .... ทำตัสสปาปิย- *สิกากรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม .... ทำตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัชชนียกรรม .... ทำนิยสกรรมแก่ภิกษุผู้ควรนิยสกรรม .... ทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปัพพาชนียกรรม .... ทำ ปฏิสารณียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปฏิสารณียกรรม .... ทำอุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรอุกเขปนียกรรม .... ให้ปริวาสแก่ภิกษุผู้ควรปริวาส .... ชักเข้าหาอาบัติเดิมซึ่งภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม .... ให้ มานัตแก่ภิกษุผู้ควรมานัต .... อัพภานภิกษุผู้ควรอัพภาน .... อุปสมบทกุลบุตรผู้ควรอุปสมบท การ กระทำนั้นชื่อว่ากรรมเป็นธรรม เป็นวินัย หรือหนอ พระพุทธเจ้าข้า? ภ. อุบาลี การกระทำนั้นชื่อว่ากรรมเป็นธรรม เป็นวินัย อุบาลี สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ให้สติวินัยแก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ให้อมูฬหวินัยแก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย อย่างนี้แล อุบาลี ชื่อว่ากรรมเป็นธรรม เป็นวินัย และการกระทำอย่างนี้ สงฆ์ย่อมไม่มีโทษ. สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ให้อมูฬหวินัยแก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย .... ทำตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม .... ทำตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัชชนียกรรม .... ทำนิยสกรรม แก่ภิกษุผู้ควรนิยสกรรม .... ทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปัพพาชนียกรรม .... ทำปฏิสารณีย- *กรรมแก่ภิกษุผู้ควรปฏิสารณียกรรม .... ทำอุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรอุกเขปนียกรรม .... ให้ ปริวาสแก่ภิกษุผู้ควรปริวาส .... ชักเข้าหาอาบัติเดิมซึ่งภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม .... ให้มานัตแก่ ภิกษุผู้ควรมานัต .... อัพภานภิกษุผู้ควรอัพภาน .... อุปสมบทกุลบุตรผู้ควรอุปสมบท อย่างนี้แล อุบาลี ชื่อว่ากรรมเป็นธรรม เป็นวินัย และการกระทำอย่างนี้ สงฆ์ย่อมไม่มีโทษ. [๒๐๓] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงฆ์ ผู้พร้อมเพรียงกันให้อมูฬหวินัยแก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย อย่างนี้แล ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่ากรรมไม่ เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย และการกระทำอย่างนี้ สงฆ์ย่อมมีโทษ. สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ทำตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ทำตัชชนียกรรม แก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ทำนิยสกรรมแก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควร สติวินัย .... ทำปฏิสารณียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ทำอุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ให้ปริวาสแก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ชักภิกษุผู้ควรสติวินัยเข้าหาอาบัติเดิม .... ให้มานัตแก่ภิกษุผู้ ควรสติวินัย .... อัพภานภิกษุผู้ควรสติวินัย .... ให้ภิกษุผู้ควรสติวินัยให้อุปสมบทกุลบุตร อย่าง นี้แล ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย และการกระทำอย่างนี้ สงฆ์ย่อม มีโทษ. สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ทำตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย อย่างนี้แล ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย และการกระทำอย่างนี้ สงฆ์ย่อมมีโทษ สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ทำตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย .... ทำนิยสกรรมแก่ ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย .... ทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย .... ทำปฏิสารณียกรรมแก่ ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย .... ทำอุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย .... ให้ปริวาสแก่ภิกษุผู้ควร อมูฬหวินัย .... ชักภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัยเข้าหาอาบัติเดิม .... ให้มานัตแก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย .... อัพภานภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย .... ให้ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัยให้อุปสมบทกุลบุตร .... ให้สติวินัยแก่ ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย อย่างนี้แล ภิกษุทั้งหลายชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย และการ กระทำอย่างนี้ สงฆ์ย่อมมีโทษ สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันทำตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม .... ทำนิยสกรรม แก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม .... ทำปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม .... ทำปฏิสารณียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม .... ทำอุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปา- *ปิยสิกากรรม .... ให้ปริวาสแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม .... ให้สติวินัยแก่ภิกษุผู้ควร ตัสสปาปิยสิกากรรม .... ให้อมูฬหวินัยแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม อย่างนี้แล ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย และการกระทำอย่างนี้ สงฆ์ย่อมมีโทษ. สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ทำนิยสกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัชชนียกรรม .... ทำปัพพาชนียกรรม แก่ภิกษุผู้ควรนิยสกรรม .... ทำปฏิสารณียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรปัพพาชนียกรรม .... ทำอุกเขปนียกรรม แก่ภิกษุผู้ควรปฏิสารณียกรรม .... ให้ปริวาสแก่ภิกษุผู้ควรอุกเขปนียกรรม .... ชักภิกษุผู้ควร ปริวาสเข้าหาอาบัติเดิม .... ให้มานัตแก่ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม .... อัพภานภิกษุผู้ควร มานัต .... ให้ภิกษุผู้ควรอัพภานให้อุปสมบทกุลบุตร .... ให้สติวินัยแก่กุลบุตรผู้ควรอุปสมบท .... ให้อมูฬหวินัยแก่กุลบุตรผู้ควรอุปสมบท .... ทำตัสสปาปิยสิกากรรมแก่กุลบุตรผู้ควรอุปสมบท .... ทำตัชชนียกรรมแก่กุลบุตรผู้ควรอุปสมบท .... ทำนิยสกรรมแก่กุลบุตรผู้ควรอุปสมบท .... ทำ ปัพพาชนียกรรมแก่กุลบุตรผู้ควรอุปสมบท .... ทำปฏิสารณียกรรมแก่กุลบุตรผู้ควรอุปสมบท .... ทำอุกเขปนียกรรมแก่กุลบุตรผู้ควรอุปสมบท .... ให้ปริวาสแก่กุลบุตรผู้ควรอุปสมบท .... ชัก กุลบุตรผู้ควรอุปสมบทเข้าหาอาบัติเดิม .... ให้มานัตแก่กุลบุตรผู้ควรอุปสมบท .... อัพภาน กุลบุตรผู้ควรอุปสมบท อย่างนี้แล ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย และ การกระทำอย่างนี้ สงฆ์ย่อมมีโทษ.
อุบาลีปุจฉาภาณวาร ที่ ๒ จบ.
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ บรรทัดที่ ๕๒๒๘-๕๓๖๔ หน้าที่ ๒๑๕-๒๒๐. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=5&A=5228&Z=5364&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=5&A=5228&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=5&siri=54              ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=5&i=-199              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=5&A=5601              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=5&A=5601              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๕ http://84000.org/tipitaka/read/?index_5              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/pli-tv-kd9/en/brahmali#pli-tv-kd9:6.1.0 https://suttacentral.net/pli-tv-kd9/en/horner-brahmali#Kd.9.6

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]