ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วไม่แสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
นิพพานธาตุในราตรีใดก็ดี ตถาคตย่อมกล่าว ย่อมร้องเรียก ย่อมแสดงซึ่งสิ่งใด
ในระหว่างนี้ สิ่งนั้นทั้งหมดย่อมเป็นอย่างนั้นทีเดียว ย่อมไม่เป็นโดยประการอื่น
เพราะฉะนั้น ชาวโลกจึงเรียกว่า ตถาคโต ดูกรจุนทะ ตถาคตเป็นผู้กล่าว
อย่างใดทำอย่างนั้น เป็นผู้ทำอย่างใดกล่าวอย่างนั้น ด้วยเหตุดังนี้ ตถาคตชื่อว่า
เป็นผู้กล่าวอย่างใดทำอย่างนั้น หรือเป็นผู้ทำอย่างใดกล่าวอย่างนั้น เพราะฉะนั้น
ชาวโลกจึงเรียกว่า ตถาคโต ตถาคตเป็นผู้เป็นใหญ่ยิ่ง ไม่มีผู้เป็นใหญ่ยิ่งกว่า
เป็นผู้เห็นถ่องแท้ เป็นผู้กุมอำนาจในโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก
ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดา มนุษย์ เพราะเหตุนั้น ชาวโลกจึงเรียก
ว่าตถาคโต ดังนี้ ฯ
             [๑๒๑] ดูกรจุนทะ ก็เป็นฐานะที่จะมีได้แล คือการที่พวกปริพาชกอัญญ-
*เดียรถีย์พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส เบื้องหน้าแต่มรณะ สัตว์ย่อมมี สิ่งนี้แหละ
จริง สิ่งอื่นเปล่า หรือหนอแล ดังนี้ ดูกรจุนทะ พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ผู้มี
วาทะอย่างนี้แล อันพวกเธอพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส พระผู้มีพระภาคมิได้
ทรงพยากรณ์ไว้ว่า เบื้องหน้าแต่มรณะ สัตว์ย่อมมี สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๑๒๖.

ดูกรจุนทะ ก็เป็นฐานะที่จะมีได้แล คือการที่พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์พึงกล่าว อย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส ก็เบื้องหน้าแต่มรณะ สัตว์ย่อมไม่มี สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่าหรือ ดังนี้ ดูกรจุนทะ พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ผู้มีวาทะอย่างนี้ อันพวกเธอพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส แม้ข้อนี้ พระผู้มีพระภาคก็มิได้ทรง พยากรณ์ไว้ว่า เบื้องหน้าแต่มรณะ สัตว์ย่อมไม่มี สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ดูกรจุนทะ ก็เป็นฐานะที่จะมีได้แล คือการที่พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์พึงกล่าว อย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส ก็เบื้องหน้าแต่มรณะ สัตว์ย่อมมีด้วย ย่อมไม่มีด้วย สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่าหรือ ดังนี้ ดูกรจุนทะ พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ ผู้มีวาทะอย่างนี้ อันพวกเธอพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส แม้ข้อนี้พระผู้มีพระภาค ก็มิได้ทรงพยากรณ์ไว้ว่า เบื้องหน้าแต่มรณะ สัตว์ย่อมมีด้วย ย่อมไม่มีด้วย สิ่งนี้ แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ดูกรจุนทะ ก็เป็นฐานะที่จะมีได้แล คือการที่พวกปริพาชก อัญญเดียรถีย์พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส ก็เบื้องหน้าแต่มรณะ สัตว์ย่อม มีหามิได้ ย่อมไม่มีก็หาไม่ สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่าหรือ ดังนี้ ดูกรจุนทะ พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ผู้มีวาทะอย่างนี้ อันพวกเธอพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส แม้ข้อนี้พระผู้มีพระภาคก็มิได้ทรงพยากรณ์ไว้ว่า เบื้องหน้าแต่มรณะ สัตว์ย่อม มีก็หามิได้ ย่อมไม่มีก็หาไม่ สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ดังนี้ ฯ [๑๒๒] ดูกรจุนทะ ก็เป็นฐานะที่จะมีได้แล คือการที่พวกปริพาชก อัญญเดียรถีย์พึงกล่าวอย่างนี้น่า ดูกรอาวุโส ก็เพราะเหตุไร ข้อนี้พระสมณโคดม จึงไม่ได้ทรงพยากรณ์ไว้เล่า ดูกรจุนทะ พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์มีวาทะอย่างนี้ อันพวกเธอพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส เพราะว่าข้อนี้ไม่ประกอบด้วยอรรถ ไม่ประกอบด้วยธรรม ไม่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความ ตรัสรู้ เพื่อพระนิพพาน ฉะนั้น ข้อนั้นพระผู้มีพระภาคจึงมิได้ทรงพยากรณ์ไว้ ดูกรจุนทะ ก็เป็นฐานะที่จะมีได้แล คือการที่พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์พึงกล่าว พระสมณโคดมทรงพยากรณ์ไว้อย่างไรเล่า ดูกรจุนทะ พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๑๒๗.

อย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโสผู้มีวาทะอย่างนี้ อันพวกเธอพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ไว้ว่า นี้ทุกข์ ดูกรอาวุโส พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ ไว้ว่า นี้ทุกขสมุทัย ดูกรอาวุโส พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ไว้ว่า นี้ทุกขนิโรธ ดูกรอาวุโส พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ไว้ว่า นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ดังนี้แล ฯ ดูกรจุนทะ ก็เป็นฐานะที่จะมีได้แล คือการที่พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส ก็เพราะเหตุไร ข้อนี้พระสมณโคดมจึงได้ทรง พยากรณ์ไว้เล่า ดูกรจุนทะ พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ผู้มีวาทะอย่างนี้ อันพวกเธอ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส เพราะว่าข้อนี้เป็นสิ่งที่ประกอบด้วยอรรถ ประกอบ ด้วยธรรม ข้อนี้เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย เพื่อ ความคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความ ตรัสรู้ เพื่อพระนิพพานโดยส่วนเดียว ฉะนั้นข้อนั้น พระผู้มีพระภาคจึงได้ทรง พยากรณ์ไว้ดังนี้ ฯ [๑๒๓] ดูกรจุนทะ ทิฐินิสัยแม้เหล่าใด อันประกอบด้วยส่วนเบื้องต้น ทิฐินิสัยแม้เหล่านั้นแล เราได้พยากรณ์ไว้แล้ว ทิฐินิสัยเหล่านั้น เราพึงพยากรณ์ ด้วยประการใด และเราไม่พึงพยากรณ์ด้วยประการใด ไฉนเราจักพยากรณ์ทิฐิ นิสัยเหล่านั้นกะพวกอัญญเดียรถีย์เหล่านั้นในข้อนั้นเล่า ดูกรจุนทะ ทิฐินิสัยแม้ เหล่าใด อันประกอบด้วยส่วนเบื้องปลาย ทิฐินิสัยแม้เหล่านั้น เราได้พยากรณ์ แล้วกะพวกเธอ ทิฐินิสัยเหล่านั้น เราพึงพยากรณ์ด้วยประการใด และเราไม่พึง พยากรณ์ด้วยประการใด ไฉนเราจักไม่พยากรณ์ทิฐินิสัยเหล่านั้นกะพวกเธอ ใน ข้อนั้นเล่า ดูกรจุนทะ ทิฐินิสัยทั้งหลายอันประกอบด้วยส่วนเบื้องต้น ที่เราได้ พยากรณ์กะพวกเธอ โดยประการที่เราพึงพยากรณ์ และโดยประการที่เราไม่พึง พยากรณ์เป็นไฉน ดูกรจุนทะ มีสมณพราหมณ์บางพวก ผู้มีวาทะอย่างนี้ ผู้มี ทิฐิอย่างนี้ว่า อัตตาและโลกเที่ยง สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ดูกรจุนทะ อนึ่ง สมณพราหมณ์บางพวก ผู้มีวาทะอย่างนี้ ผู้มีทิฐิอย่างนี้ว่า อัตตาและโลกไม่เที่ยง

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๑๒๘.

สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ... อัตตาและโลกเที่ยงด้วยไม่เที่ยงด้วย ... ... อัตตาและโลกเที่ยง ก็หามิได้ไม่เที่ยงก็หามิได้ ... ... อัตตาและโลก สัตว์ทำได้เอง ... ... อัตตาและโลกผู้อื่นทำให้ ... ... อัตตาและโลก สัตว์ทำได้เองด้วย ผู้อื่นทำให้ด้วย ... ... อัตตาและโลก สัตว์มิได้ทำเอง และ ผู้อื่นมิได้ทำ เกิดขึ้นลอยๆ ... ... สุขและทุกข์เที่ยง ... ... สุขและทุกข์ไม่เที่ยง ... ... สุข และทุกข์เที่ยงด้วยไม่เที่ยงด้วย ... ... สุขและทุกข์เที่ยงก็หามิได้ ไม่เที่ยงก็หามิได้ ... ... สุขและทุกข์ สัตว์ทำได้เอง ... ... สุขและทุกข์ ผู้อื่นทำให้ ... ... สุขและทุกข์ สัตว์ทำได้เองด้วย ผู้อื่นทำให้ด้วย สุขและทุกข์สัตว์มิได้ทำเองด้วย ผู้อื่นมิได้ทำ ให้ด้วย เกิดขึ้นลอยๆ สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ดังนี้ ฯ [๑๒๔] ดูกรจุนทะ ในสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณพราหมณ์เหล่าใด ผู้มีวาทะอย่างนี้ ผู้มีทิฐิอย่างนี้ว่า อัตตาและโลกเที่ยง สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่น เปล่า ดังนี้ เราเข้าไปหาสมณพราหมณ์เหล่านั้นแล้ว กล่าวอย่างนี้ว่า ดูกร อาวุโส มีอยู่หรือหนอแล คำนี้อันท่านทั้งหลายกล่าวว่า อัตตาและโลกเที่ยง ดังนี้ และสมณพราหมณ์เหล่านั้นได้กล่าวคำใดอย่างนี้ว่า สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่น เปล่า ดังนี้ เราย่อมไม่คล้อยตามคำนั้นของสมณพราหมณ์เหล่านั้น ข้อนั้นเพราะ เหตุไร ดูกรจุนทะ เพราะว่า ในสมณพราหมณ์เหล่านั้น สัตว์จำพวกหนึ่งแม้ เป็นผู้มีสัญญาเป็นอย่างอื่นมีอยู่ ดูกรจุนทะ ด้วยบัญญัติแม้นี้แล เราไม่พิจารณา เห็นผู้สม่ำเสมอตนเลย ผู้ยิ่งกว่าจักมีแต่ที่ไหน เราผู้เดียวเป็นผู้ยิ่งในบัญญัติที่เป็น อธิบัญญัตินี้โดยแท้แล ฯ [๑๒๕] ดูกรจุนทะ ในสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นผู้มีวาทะอย่างนี้ เป็นผู้มีทิฐิอย่างนี้ว่า อัตตาและโลกไม่เที่ยง สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ... ... อัตตาและโลกเที่ยงด้วย ไม่เที่ยงด้วย ... ... อัตตาและโลกเที่ยงก็ หามิได้ไม่เที่ยงก็หามิได้ ... ... อัตตาและโลก อันสัตว์ทำได้เอง ... ... อัตตาและโลก ผู้อื่นทำให้ ... ... อัตตาและโลกสัตว์ทำได้เองด้วยผู้อื่นทำให้ด้วย ... ... อัตตาและโลก สัตว์มิได้ทำเอง และผู้อื่นมิได้ทำให้เกิดขึ้นลอยๆ ... ... สุขและทุกข์เที่ยง ... ... สุข และทุกข์ไม่เที่ยง ... ... สุขและทุกข์เที่ยงด้วยไม่เที่ยงด้วย ... ... สุขและทุกข์เที่ยงก็

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๑๒๙.

หามิได้ ไม่เที่ยงก็หามิได้ ... ... สุขและทุกข์ สัตว์ทำได้เอง ... ... สุขและทุกข์ผู้อื่น ทำให้ ... ... สุขและทุกข์สัตว์ทำได้เองด้วย ให้ผู้อื่นทำให้ด้วย ... ... สุขและทุกข์ สัตว์มิได้ทำเองด้วย ผู้อื่นมิได้ทำให้ด้วย เกิดขึ้นลอยๆ สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่น เปล่า เราเข้าไปหาสมณพราหมณ์เหล่านั้นแล้ว กล่าวอย่างนี้ว่า มีอยู่หรือหนอแล คำนี้อันท่านทั้งหลายกล่าวว่า สุขและทุกข์ สัตว์มิได้ทำเองด้วย ผู้อื่นมิได้ทำให้ ด้วย เกิดขึ้นลอยๆ และสมณพราหมณ์เหล่านั้นได้กล่าวคำใดแลอย่างนี้ว่า สิ่งนี้ แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ดังนี้ เราย่อมไม่คล้อยตามคำนั้น ของสมณพราหมณ์ เหล่านั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร ดูกรจุนทะ เพราะว่าในสมณพราหมณ์เหล่านั้น สัตว์จำพวกหนึ่ง แม้เป็นผู้มีสัญญาเป็นอย่างอื่นมีอยู่ ดูกรจุนทะ ด้วยบัญญัติ แม้นี้แล เราไม่พิจารณาเห็นผู้สม่ำเสมอตนเลย ผู้ยิ่งกว่าจักมีแต่ที่ไหน เราผู้เดียว เป็นผู้ยิ่งในบัญญัติที่เป็นอธิบัญญัติโดยแท้แล ฯ ดูกรจุนทะ ทิฐินิสัยอันประกอบด้วยส่วนเบื้องต้นเหล่านี้แล ที่เราได้ พยากรณ์กะพวกเธอ โดยประการที่เราพึงพยากรณ์ และโดยประการที่เราไม่พึง พยากรณ์ ไฉนเราจักพยากรณ์ทิฐินิสัยเหล่านั้นกะพวกเธอ ในข้อนั้นเล่า ฯ [๑๒๖] ดูกรจุนทะ ทิฐินิสัยทั้งหลายอันประกอบด้วยส่วนเบื้องปลาย ที่เราได้พยากรณ์กะพวกเธอ โดยประการที่เราพยากรณ์แล้ว และโดยประการที่ เราไม่พึงพยากรณ์ เป็นไฉน ดูกรจุนทะ มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง ผู้มีวาทะ อย่างนี้ ผู้มีทิฐิอย่างนี้ว่า เบื้องหน้าแต่มรณะ อัตตามีรูป หาโรคมิได้ สิ่งนี้ แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ดังนี้ ดูกรจุนทะ มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง ผู้มีวาทะ อย่างนี้ ผู้มีทิฐิอย่างนี้ว่า เบื้องหน้าแต่มรณะ อัตตาไม่มีรูป ... ... อัตตามีรูปด้วย ไม่มีรูปด้วย ... ... อัตตามีรูปก็หามิได้ ไม่มีรูปก็หามิได้ ... ... อัตตามีสัญญา ... ... อัตตาไม่มีสัญญา ... ... อัตตามีสัญญาด้วยไม่มีสัญญาด้วย ... ... อัตตามีสัญญาก็หา มิได้ ไม่มีสัญญาก็หามิได้ ... ... อัตตาย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่มี สิ่งนี้ แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ดังนี้ ดูกรจุนทะ ในสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณ- *พราหมณ์เหล่าใด เป็นผู้มีวาทะอย่างนี้ เป็นผู้มีทิฐิอย่างนี้ว่า เบื้องหน้าแต่มรณะ

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๑๓๐.

อัตตามีรูป หาโรคมิได้ สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ดังนี้ เราเข้าไปหา สมณพราหมณ์เหล่านั้นแล้ว กล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส มีอยู่หรือหนอแล คำนี้อันท่านทั้งหลายกล่าวว่า เบื้องหน้าแต่มรณะ อัตตามีรูป หาโรคมิได้ และ สมณพราหมณ์เหล่านั้นกล่าวคำใดแล อย่างนี้ว่า สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ดังนี้ เราย่อมไม่คล้อยตามคำนั้น ของสมณพราหมณ์เหล่านั้น ข้อนั้นเพราะ เหตุไร ดูกรจุนทะ เพราะว่า ในสมณพราหมณ์เหล่านั้น สัตว์พวกหนึ่งแม้เป็น ผู้มีสัญญาเป็นอย่างอื่นมีอยู่ ดูกรจุนทะ ด้วยบัญญัติแม้นี้แล เราไม่พิจารณาเห็น ผู้สม่ำเสมอตนเลย ผู้ยิ่งกว่าจักมีแต่ที่ไหน เราผู้เดียวเป็นผู้ยิ่งในบัญญัติที่เป็น อธิบัญญัตินี้โดยแท้แล ฯ [๑๒๗] ดูกรจุนทะ ในสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นผู้มีวาทะอย่างนี้ เป็นผู้มีทิฐิอย่างนี้ว่า เบื้องหน้าแต่มรณะ อัตตาไม่มีรูป ... อัตตามีรูปด้วย ไม่มีรูปด้วย ... อัตตามีรูปก็หามิได้ ไม่มีรูปก็หามิได้ ... อัตตามี สัญญา ... อัตตามีสัญญาด้วย ไม่มีสัญญาด้วย ... อัตตามีสัญญาก็หามิได้ ไม่มี สัญญาก็หามิได้ ... เบื้องหน้าแต่มรณะ อัตตาย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่มี สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ดังนี้ เราเข้าไปหาสมณพราหมณ์เหล่านั้นแล้วกล่าว อย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส มีอยู่หรือหนอแล คำนี้อันท่านทั้งหลายกล่าวว่า เบื้องหน้าแต่มรณะ ตนย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่มี และสมณพราหมณ์ เหล่านั้นกล่าวคำใดแลอย่างนี้ว่า สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ดังนี้ เราไม่คล้อย ตามคำนั้นของสมณพราหมณ์เหล่านั้น ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ดูกรจุนทะ เพราะว่า ในสมณพราหมณ์เหล่านั้น สัตว์พวกหนึ่งแม้เป็นผู้มีสัญญาเป็นอย่างอื่น มีอยู่ ดูกรจุนทะ ด้วยบัญญัติแม้นี้แล เราไม่พิจารณาเห็นผู้สม่ำเสมอตนเลย ผู้ยิ่งกว่าจักมีแต่ที่ไหน เราผู้เดียวเป็นผู้ยิ่งในบัญญัติที่เป็นอธิบัญญัตินี้ โดยแท้แล ดูกรจุนทะ ทิฐินิสัยอันประกอบด้วยส่วนเบื้องปลายเหล่านี้แล ที่เราได้พยากรณ์ กะพวกเธอ โดยประการที่เราพึงพยากรณ์ และโดยประการที่เราไม่พึงพยากรณ์ เพราะฉะนั้น ไฉนเราจักพยากรณ์ทิฐินิสัยเหล่านั้นกะพวกเธอในข้อนั้นเล่า ฯ

--------------------------------------------------------------------------------------------- หน้าที่ ๑๓๑.

[๑๒๘] ดูกรจุนทะ สติปัฏฐาน ๔ ประการ อันเราแสดงแล้ว บัญญัติ แล้วอย่างนี้ เพื่อละ เพื่อก้าวล่วงซึ่งทิฐินิสัย อันประกอบด้วยส่วนเบื้องต้น เหล่านี้ด้วย ซึ่งทิฐินิสัยอันประกอบด้วยส่วนเบื้องปลาย เหล่านี้ด้วย ๔ ประการ เป็นไฉน ดูกรจุนทะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ได้ ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มี สัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ย่อมพิจารณา เห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลกเสียได้ ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ดูกรจุนทะ สติปัฏฐาน ๔ ประการเหล่านี้ อันเราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วอย่างนี้ เพื่อละ เพื่อก้าวล่วงซึ่งทิฐินิสัยอันประกอบด้วยส่วนเบื้องต้นเหล่านี้ด้วย ซึ่ง ทิฐินิสัยอันประกอบด้วยส่วนเบื้องปลายเหล่านี้ด้วย ดังนี้แล ฯ [๑๒๙] ก็โดยสมัยนั้นแล พระอุปทานะผู้มีอายุ ยืนถวายอยู่งานพัด พระผู้มีพระภาค ณ เบื้องพระปฤษฎางค์ ครั้งนั้นแล พระอุปทานะผู้มีอายุ ได้ กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า น่าอัศจรรย์พระเจ้าข้า ไม่เคยมีแล้ว พระเจ้าข้า ธรรมปริยายนี้ น่าเลื่อมใสนัก พระเจ้าข้า ธรรมปริยายนี้ น่าเลื่อมใสดีนัก พระเจ้าข้า ธรรมปริยายนี้มีนามว่ากระไร พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ดูกรอุปทานะ เพราะฉะนั้นแล เธอจงทรงจำธรรมปริยายนี้ไว้เถิดว่า "ปาสาทิกะ" ดังนี้เทียว ฯ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว พระอุปทานะผู้มีอายุ ยินดี ชื่นชมพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้ว ดังนี้แล ฯ
จบ ปาสาทิกสูตร ที่ ๖
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ บรรทัดที่ ๓๐๒๐-๓๑๘๑ หน้าที่ ๑๒๕-๑๓๑. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=3020&Z=3181&pagebreak=1 http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=11&A=3020&w=เธ_เธดเธ_เธ_เธฒเธ_เธ_เธฒเธ•เธธ&pagebreak=1              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=11&siri=6              ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=94              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=11&A=2684#120top              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=6&A=2357              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=11&A=2684#120top              The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=6&A=2357              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๑ http://84000.org/tipitaka/read/?index_11              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/dn29/en/sujato https://suttacentral.net/dn29/en/tw-caf_rhysdavids

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วไม่แสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]