ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๑ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๘ มหาปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๒ ปัจฉิมอนุโลมติกปัฏฐาน
ปริตตัตติกะ
ปฏิจจวาร
[๑๓๒๑] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูต- *รูป ๑ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูป ๒ มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยหทัยวัตถุ ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยหทัยวัตถุ กฏัตตรูป อาศัย มหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๒๒] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ๒ ขันธ์ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ปริตตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ [๑๓๒๓] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ปริตตธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม ปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ [๑๓๒๔] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะเหตุ ปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นอัปปมาณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๒๕] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะเหตุ ปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะ เหตุปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๒๖] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายอาศัยหทัยวัตถุ มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยหทัยวัตถุ [๑๓๒๗] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ [๑๓๒๘] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ขันธ์ ๓ ฯลฯ [๑๓๒๙] มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะ อารัมมณปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ [๑๓๓๐] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๓๑] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ปริตตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ [๑๓๓๒] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ปริตตธรรม อาศัยอัปปมาณกรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม ปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ [๑๓๓๓] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะ อธิปติปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นอัปปมาณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๓๔] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติ- *ปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๓๕] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอนันตรปัจจัย เพราะ สมนันตรปัจจัย เพราะสหชาตปัจจัย พึงกระทำมหาภูตรูปแม้ทั้งหมด เพราะ อัญญมัญญปัจจัย เพราะ นิสสยปัจจัย เพราะ อุปนิสสยปัจจัย เพราะ ปุเรชาตปัจจัย พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ๓ เพราะ อาเสวนปัจจัย พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ๓ เพราะ กัมมปัจจัย เพราะ วิปากปัจจัย พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ๑๓ เพราะ อาหารปัจจัย เพราะ อินทริยปัจจัย เพราะฌานปัจจัย เพราะ มัคค- *ปัจจัย เพราะ สัมปยุตตปัจจัย เพราะ วิปปยุตตปัจจัย เพราะ อัตถิปัจจัย เพราะ นัตถิ- *ปัจจัย เพราะ วิคตปัจจัย เพราะ อวิคตปัจจัย [๑๓๓๖] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๑๓ ในอารัมมณปัจจัย มี " ๕ ในอธิปติปัจจัย มี " ๙ ในอนันตรปัจจัย มี " ๕ ในสมนันตรปัจจัย มี " ๕ ในสหชาตปัจจัย มี " ๑๓ ในอัญญมัญญปัจจัย มี " ๗ ในนิสสยปัจจัย มี " ๑๓ ในอุปนิสสยปัจจัย มี " ๕ ในปุเรชาตปัจจัย มี " ๓ ในอาเสวนปัจจัย มี " ๓ ในกัมมปัจจัย มี " ๑๓ ในวิปากปัจจัย มีวาระ ๑๓ ในอาหารปัจจัย ในอินทริยปัจจัย ในฌานปัจจัย ในมัคคปัจจัย มีวาระ ๑๓ ในสัมปยุตตปัจจัย มี " ๕ ในวิปปยุตตปัจจัย มี " ๑๓ ในอัตถิปัจจัย มี " ๑๓ ในนัตถิปัจจัย มี " ๕ ในวิคตปัจจัย มี " ๕ ในอวิคตปัจจัย มี " ๑๓
อนุโลม จบ
[๑๓๓๗] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุอาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ อาศัยมหาภูตรูป ๑ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐาน ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวก อสัญญสัตว์ทั้งหลาย อาศัยมหาภูตรูป ๑ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ [๑๓๓๘] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอารัมมณปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปริตตธรรม ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปริตตธรรม หทัยวัตถุ อาศัย ขันธ์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ [๑๓๓๙] ปริตตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอารัมมณปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตา- *รูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม [๑๓๔๐] ปริตตธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอารัมมณปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม [๑๓๔๑] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นอัปปมาณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๔๒] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นอัปปมาณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๔๓] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายอาศัยหทัยวัตถุ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยหทัยวัตถุ ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติ- *ปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยหทัยวัตถุ กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๔๔] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติปัจจัย คือ อธิปติธรรมที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ปริตตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติ- *ปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ [๑๓๔๕] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติ ปัจจัย คือ อธิปติธรรมที่เป็นอัปปมาณธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม [๑๓๔๖] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่ เพราะอธิปติปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก และมหาภูตรูป ทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติ- *ปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๔๗] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอนันตรปัจจัย ไม่ใช่เพราะสมนันตรปัจจัย ไม่ใช่เพราะอัญญมัญญปัจจัย ไม่ใช่เพราะอุปนิสสยปัจจัย [๑๓๔๘] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตต- *สมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปริตตธรรม ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ พึงกระทำมหาภูตรูปทั้งหมดให้พิสดาร ในปริตตมูลกะ มีหัวข้อปัจจัย ๓ [๑๓๔๙] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ปริตตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปุเรชาต- *ปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ [๑๓๕๐] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปุเรชาต- *ปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ฯลฯ ปริตตธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม [๑๓๕๑] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่ เพราะปุเรชาตปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๕๒] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะ ปุเรชาตปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปุเรชาต- *ปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม และหทัยวัตถุ ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๕๓] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปัจฉาชาตปัจจัย ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายอาศัยหทัยวัตถุ มหา- *ภูตรูป ๑ ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ [๑๓๕๔] มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยหทัยวัตถุ ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวน- *ปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยหทัยวัตถุ กฏัตตารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๕๕] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ปริตตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวน- *ปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ฯลฯ [๑๓๕๖] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวน- *ปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ ปริตตธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นอัปปมาณธรรม ปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะ อาเสวนปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ซึ่งเป็นวิบาก [๑๓๕๗] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่ เพราะอาเสวนปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๕๘] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะ อาเสวนปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ใน ปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวน- *ปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรมและหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๕๙] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นปริตตธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปริตตธรรม พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ [๑๓๖๐] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม [๑๓๖๑] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นอัปปมาณธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม [๑๓๖๒] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะวิปากปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูปอาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ [๑๓๖๓] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะวิปากปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ปริตตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะวิปากปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะ วิปากปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ [๑๓๖๔] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปากปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ปริตตธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปากปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม ปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะ วิปากปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ [๑๓๖๕] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่ เพราะวิปากปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นอัปปมาณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๖๖] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่ เพราะวิปากปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย [๑๓๖๗] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอาหารปัจจัย คือ พาหิรรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ พึงให้ พิสดาร ไม่ใช่เพราะอินทริยปัจจัย คือ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญ- *สัตว์ทั้งหลาย รูปชีวิตินทรีย์ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ไม่ใช่เพราะฌานปัจจัย คือ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยปัญจวิญญาณ ฯลฯ พาหิรรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ พึงกระทำมหาภูตรูปทั้งหมด ไม่ใช่เพราะมัคคปัจจัย คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ พึงกระทำมหาภูตรูปทั้งหมด ไม่ใช่เพราะสัมปยุตตปัจจัย ฯลฯ [๑๓๖๘] ฯลฯ ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย ฯลฯ คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐาน ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ฯลฯ [๑๓๖๙] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปปยุตต- *ปัจจัย คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะนัตถิปัจจัย ไม่ใช่เพราะวิคตปัจจัย [๑๓๗๐] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย มี " ๑๒ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย มีวาระ ๑๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย มี " ๑๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาหารปัจจัย มี " ๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อินทริยปัจจัย ในปัจจัยที่ไม่ใช่ฌานปัจจัย ในปัจจัยที่ไม่ใช่มัคคปัจจัย มีวาระ ๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย มี " ๕
พึงนับอย่างนี้
ปัจจนียะ จบ
[๑๓๗๑] ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มีวาระ ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย กับ ฯลฯ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๒ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕
พึงนับอย่างนี้
อนุโลมปัจจนียะ จบ
[๑๓๗๒] ในอารัมมณปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๑ ในอนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๑ ฯลฯ ในวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑ ในอวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑
พึงนับอย่างนี้
ปัจจนียานุโลม จบ
ปฏิจจวาร จบ
สหชาตวาร เหมือนกับปฏิจจวาร

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๑ บรรทัดที่ ๙๗๐๗-๑๐๐๕๐ หน้าที่ ๔๑๓-๔๒๗. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=41&A=9707&Z=10050&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=41&A=9707&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=41&siri=26              ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=41&i=1321              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=41&A=7865              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=41&A=7865              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๑ http://84000.org/tipitaka/read/?index_41              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/patthana1.13/en/narada

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]