ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฏก เล่มที่ ๓๗ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๔ กถาวัตถุปกรณ์
นิยาโมกกันติกถา
[๙๖๙] สกวาที พระโพธิสัตว์ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นนอน (อริยมรรค) มีพรหมจรรย์ อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาคพระนามว่า กัสสปะ หรือ? ปรวาที ถูกแล้ว ส. พระโพธิสัตว์เป็นสาวกของพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะ หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๙๗๐] ส. พระโพธิสัตว์เป็นสาวกของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. เป็นสาวกแล้ว จึงเป็นพระพุทธเจ้า หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๙๗๑] ส. เป็นสาวกแล้ว จึงเป็นพระพุทธเจ้า หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. เป็นผู้ตรัสรู้ด้วยการฟังตาม หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๙๗๒] ส. เป็นผู้ตรัสรู้ด้วยการฟังตาม หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. พระผู้มีพระภาคเป็นพระสยัมภู หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. ถ้าพระผู้มีพระภาคเป็นพระสยัมภู ก็ต้องไม่กล่าวว่า เป็นผู้ตรัสรู้ด้วยการ ฟังตาม [๙๗๓] ส. พระโพธิสัตว์ ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสรู้สามัญญผลอีก ๓ เท่านั้น ณ ควงไม้โพธิ หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๙๗๔] ส. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสรู้สามัญญผลทั้ง ๔ ณ ควงไม้โพธิ มิใช่หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. หากว่า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสรู้สามัญญผลทั้ง ๔ ณ ควงไม้โพธิ ก็ต้อง ไม่กล่าวว่า พระโพธิสัตว์ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอน มีพรหมจรรย์อัน ประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาคพระนามว่า กัสสปะ [๙๗๕] ส. พระโพธิสัตว์ ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. พระโพธิสัตว์ได้กระทำทุกกรกิริยา หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทัสสนะ พึงกระทำทุกกรกิริยา หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๙๗๖] ส. พระโพธิสัตว์ ได้กระทำความเพียรอย่างอื่น ได้นับถือศาสดาอื่น หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. บุคคลผู้เข้าถึงพร้อมด้วยทัสสนะ พึงนับถือศาสดาอื่น หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๙๗๗] ส. ท่านพระอานนท์ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค ท่านพระอานนท์เป็นสาวกของพระผู้มีพระ ภาค หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. พระโพธิสัตว์ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ พระโพธิสัตว์เป็น สาวกของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๙๗๘] ส. ท่านจิตตคฤหบดี ท่านหัตถกะ ชาวเมืองอาฬวี ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค ท่านจิต- ตคฤหบดี ท่านหัตถกะ ชาวเมืองอาฬวี เป็นสาวกของพระผู้มีพระภาค หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. พระโพธิสัตว์ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ พระโพธิสัตว์เป็น สาวกของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๙๗๙] ส. พระโพธิสัตว์ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ แต่ไม่เป็นสาวก ของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. ท่านพระอานนท์ ได้หยั่งลงสู่อันแน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค แต่ไม่เป็นสาวกของพระผู้มีพระภาค หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๙๘๐] ส. พระโพธิสัตว์ ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติ แล้วในศาสนาของพระผู้มีพระภาคพระนามว่า กัสสปะ แต่เป็นสาวก ของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. ท่านจิตตคฤหบดี ท่านหัตถกะ ชาวเมืองอาฬวี ได้หยั่งลงสู่ทางทางอัน แน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค แต่ไม่เป็นสาวกของพระผู้มีพระภาค หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๙๘๑] ส. พระโพธิสัตว์ ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ แต่ไม่เป็นสาวก ของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. เป็นสาวก ครั้นล่วงชาติหนึ่งไปแล้ว กลับเป็นผู้มิใช่สาวก หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๙๘๒] ป. ไม่พึงกล่าวว่า พระโพธิสัตว์ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอนมีพรหมจรรย์ อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า ดูกรอานนท์ เราได้ประพฤติพรหมจรรย์ ในพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ เพื่อความตรัสรู้ต่อไป ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. ถ้าอย่างนั้น พระโพธิสัตว์ ก็ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอนมีพรหมจรรย์อัน พฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ น่ะสิ [๙๘๓] ส. พระโพธิสัตว์ ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า เราเป็นผู้ครอบงำเสียซึ่งธรรมทั้งปวง เป็น ผู้รู้แจ้งธรรมทั้งปวง ไม่ติดแล้วในธรรมทั้งปวง ละเสียซึ่งโลกิยธรรม ทั้งปวง หลุดพ้นแล้ว เพราะสิ้นไปแห่งตัณหา เรารู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง เองแล้ว จะพึงอ้างศาสดาไรเล่า อาจารย์ของเราไม่มี ผู้ที่จะเสมอ ด้วยเราก็ไม่มี เราไม่มีบุคคลเปรียบในโลกนี้กับทั้งเทวโลก เพราะ เราเป็นพระอรหันต์ในโลก เราเป็นศาสดาที่ไม่มีศาสดาอื่นยิ่งกว่า เราผู้เดียวเป็นสัมมาสัมพุทธะ เป็นผู้เย็นแล้ว เป็นผู้ดับแล้ว เราจะ ไปยังเมืองแห่งชาวกาสี เพื่อยังธรรมจักรให้เป็นไป เราจักได้ดี อมตเภรี ให้บันลือขึ้นในโลกอันมืดนี้ (อุปกาชีวกกล่าวว่า) อาวุโส ตามที่ท่านปฏิญาณนั่นแล ท่านก็ควรเป็นอนันตชิน (พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า คนเช่นเรานี่แล) ที่ถึงแล้วซึ่งความสิ้นอาสวะ เป็นผู้ชื่อว่า ชินะ ดูกรอุปกะ เราชนะบาปธรรมทั้งหลายแล้ว เพราะฉะนั้น เรา จึงชื่อว่า ชินะ ดังนี้ ๑- เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า พระโพธิสัตว์ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ น่ะสิ [๙๘๔] ส. พระโพธิสัตว์ ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย จักษุญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลายที่มิได้ สดับมาแล้วในกาลก่อนว่า นี้ทุกขอริยสัจ ดังนี้ อนึ่งเล่า จักษุ ฯลฯ แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลายที่มิได้สดับมา @๑. วิ. มหาวรรค เล่ม ๑ ข้อ ๑๑ หน้า ๑๔, ม. ม. ข้อ ๕๑๓ หน้า ๔๖๖ แล้วในกาลก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้น อันเราพึงกำหนดรู้ ดังนี้ ฯลฯ ว่าทุกขอริยสัจนี้นั้น อันเราได้กำหนดรู้แล้ว ดังนี้ ฯลฯ ว่านี้ ทุกข- สมุทัยอริยสัจ ดังนี้ ฯลฯ ว่าทุกขสมุทัยอริยสัจนี้นั้น อันเราพึงละเสีย ดังนี้ ฯลฯ ว่าทุกขสมุทัยอริยสัจนี้นั้น อันเราละได้แล้ว ดังนี้ ฯลฯ ว่านี้ทุกขนิโรธอริยสัจ ดังนี้ ฯลฯ ว่าทุกขนิโรธอริยสัจนี้นั้นอันเรา พึงทำให้แจ้ง ดังนี้ ฯลฯ ว่าทุกขนิโรธอริยสัจนี้นั้น อันเราได้ทำ ให้แจ้งแล้ว ดังนี้ ฯลฯ ว่านี้ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ดังนี้ ฯลฯ ว่าทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนี้นั้น อันเราพึงให้เกิดดังนี้ อนึ่งเล่า จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้ว แก่เรา ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้สดับมาแล้วในกาลก่อน ว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนี้นั้น อันเราให้เกิดแล้ว ดังนี้ ๑- เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า พระโพธิสัตว์ได้หยั่งลงสู่ทางอันแน่นอน มีพรหมจรรย์อันประพฤติแล้ว ในศาสนาของพระผู้มีพระภาคพระนามว่า กัสสปะ
นิยาโมกกันติกถา จบ
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ บรรทัดที่ ๙๓๙๖-๙๕๓๒ หน้าที่ ๓๙๐ - ๓๙๕. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=37&A=9396&Z=9532&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_item.php?item=983&book=37              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=37&siri=60              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=37&i=969              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลี อักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_read.php?B=37&A=6275              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลี อักษรโรมัน :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_read.php?B=37&A=6275              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ http://84000.org/tipitaka/read/?index_37

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]