ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๔. ศิริมันทชาดก
ว่าด้วยปัญญาประเสริฐ
[๒๐๘๔] ท่านอาจารย์เสนกะ เราขอถามเนื้อความนี้ บรรดาคนสองพวก คือ คนผู้ สมบูรณ์ด้วยปัญญาแต่เสื่อมจากศิริ กับคนที่มียศแต่ไร้ปัญญา นักปราชญ์ กล่าวคนไหนว่าประเสริฐ? [๒๐๘๕] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชาราษฎร์ คนฉลาด หรือคนโง่ คนบริบูรณ์ ด้วยศิลปะ หรือคนหาศิลปะมิได้ แม้จะมีชาติสูง ก็ย่อมเป็นคนรับใช้ ของคนผู้มีชาติต่ำแต่มียศ ข้าพระพุทธเจ้าเห็นความดังนี้ จึงขอ กราบทูลว่า คนมีปัญญา เป็นคนเลวทราม คนมีศิริแล เป็นคนประเสริฐ พระเจ้าข้า. [๒๐๘๖] ดูกรมโหสถผู้มีปัญญาไม่ทราม ผู้เห็นธรรมสิ้นเชิง เราถามเจ้าในคน สองพวก คือ คนพาลผู้มียศ กับบัณฑิตผู้ไม่มีโภคะ นักปราชญ์กล่าว คนไหนว่าประเสริฐ. [๒๐๘๗] คนพาลกระทำกรรมอันชั่วช้า ก็สำคัญว่า สิ่งนี้เท่านั้นประเสริฐ เห็นแต่ เพียงโลกนี้ ไม่เห็นโลกหน้า ต้องได้รับเคราะห์ร้ายในโลกทั้งสอง ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเท่านั้น ประเสริฐ คนโง่ถึงมียศจะประเสริฐอะไร พระเจ้าข้า. [๒๐๘๘] ศิลปะนี้ก็ดี พวกพ้องก็ดี ร่างกายก็ดี หาได้จัดโภคสมบัติมาให้ไม่ มหาชนย่อมคบหาโควินทเศรษฐี ผู้มีน้ำลายไหลออกจากคางทั้งสองข้าง ผู้ได้รับความสุข มีศิริต่ำช้า ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึง กราบทูลว่า คนมีปัญญา เป็นคนเลวทราม คนมีศิริเท่านั้นเป็นคน ประเสริฐ พระเจ้าข้า. [๒๐๘๙] คนมีปัญญาน้อย ได้รับความสุขแล้ว ย่อมมัวเมา แม้ถูกความทุกข์ กระทบแล้ว ย่อมถึงความหลง อันสุขทุกข์ที่จรมากระทบเข้าแล้ว ย่อม หวั่นไหว ดุจปลาที่ดิ้นรนอยู่ในที่ร้อน ฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้า เห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเท่านั้นประเสริฐ คนโง่ ถึงมียศจะประเสริฐอะไร พระเจ้าข้า. [๒๐๙๐] ฝูงนกย่อมพากันบินเร่ร่อนไปมาโดยรอบต้นไม้ ที่มีผลดีในป่า ฉันใด คนเป็นอันมากย่อมคบหาผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์ มีโภคสมบัติ เพราะเหตุ ต้องการทรัพย์ ก็ฉันนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบ ทูลว่า คนมีปัญญา เป็นคนเลวทราม คนมีศิริเท่านั้น เป็นคนประเสริฐ พระเจ้าข้า. [๒๐๙๑] คนโง่ถึงจะมีกำลังก็หายังประโยชน์ให้สำเร็จไม่ ได้ทรัพย์มาด้วยกรรม อันร้ายแรง นายนิรยบาลทั้งหลาย ย่อมฉุดคร่าเอาคนโง่ ผู้ไม่ฉลาด คร่ำครวญอยู่ ไปสู่นรกอันร้ายกาจ ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่าคนมีปัญญาเท่านั้น ประเสริฐ คนโง่ถึงมียศจะประเสริฐ อะไร พระเจ้าข้า. [๒๐๙๒] แม่น้ำแห่งใดแห่งหนึ่ง ย่อมไหลไปสู่แม่น้ำคงคา แม่น้ำเหล่านั้น ทั้งหมดเทียว ย่อมละทิ้งชื่อและถิ่นเดิม แม่น้ำคงคาไหลไปถึงมหาสมุทร ย่อมไม่ปรากฏชื่อ คนในโลกนี้ที่มีฤทธิ์ยิ่ง ก็ไม่ปรากฏ ฉันนั้นแล ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญา เป็นคน เลวทราม คนมีศิริเท่านั้น เป็นคนประเสริฐ พระเจ้าข้า. [๒๐๙๓] ข้าพระพุทธเจ้าจะกล่าวแก้ปัญหาที่ท่านอาจารย์กล่าว แม่น้ำทั้งหลาย ย่อมไหลไปสู่ทะเลใหญ่ไม่ได้ตลอดกาลทั้งปวง ทะเลนั้นมีกำลังมาก เป็นนิตย์ มหาสมุทรย่อมไม่ล่วงเลยฝั่งไปได้ ฉันใด กิจการที่คนโง่ ประสงค์ ก็ฉันนั้น คนมีศิริย่อมไม่ล่วงเลยคนมีปัญญาไปได้ไม่ว่าในกาล ไหนๆ ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญา เท่านั้นประเสริฐ คนโง่ถึงมียศจะประเสริฐอะไร. [๒๐๙๔] ถ้าแม้คนมียศไม่สำรวมแล้ว อยู่ในที่วินิจฉัย กล่าวข้อความแก่ชน เหล่าอื่น คำพูดของคนนั้นย่อมเจริญงอกงามในท่ามกลางญาติ คนมี ปัญญายังคนผู้มีศิริต่ำช้าให้ทำตามคำของตนไม่ได้ ข้าพระพุทธเจ้าเห็น ข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญา เป็นคนเลวทราม คนมีศิริ เท่านั้น เป็นคนประเสริฐ พระเจ้าข้า. [๒๐๙๕] คนโง่หาปัญญามิได้ ย่อมกล่าวมุสา เพราะเหตุแห่งบุคคลอื่น หรือแม้ แห่งตน คนโง่นั้นย่อมถูกนินทาในท่ามกลางบริษัท แม้ภายหลัง เขาก็ต้องไปทุคติ ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเท่านั้นประเสริฐ คนโง่ถึงมียศจะประเสริฐอะไร พระเจ้าข้า. [๒๐๙๖] ถ้าคนมีปัญญาดังแผ่นดิน ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีทรัพย์ เป็นคนเข็ญใจ กล่าวข้อความ คำพูดของเขานั้นย่อมไม่เจริญงอกงามในท่ามกลางบริษัท อนึ่ง ศิริของคนมีปัญญาย่อมไม่มี ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญา เป็นคนเลวทราม คนมีศิริเท่านั้น เป็นคน ประเสริฐ พระเจ้าข้า. [๒๐๙๗] คนมีปัญญาดังแผ่นดิน ย่อมไม่กล่าวคำเหลาะแหละ เพราะเหตุ แห่งคนอื่น หรือแม้แห่งตน บุคคลนั้นย่อมเป็นผู้อันมหาชนบูชา ในท่ามกลางที่ประชุม แม้ภายหลังเขาก็จะไปสุคติ ข้าพระพุทธเจ้า เห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเท่านั้นประเสริฐ คนโง่ ถึงมียศจะประเสริฐอะไร พระเจ้าข้า. [๒๐๙๘] ช้าง ม้า โค แก้วมณี กุณฑล และนางนารีทั้งหลายผู้เกิดในตระกูล ที่มั่งคั่ง สิ่งทั้งปวงนั้นย่อมเป็นเครื่องอุปโภคของคนที่มั่งคั่ง คนทั้งหลาย ผู้ไม่มั่งคั่ง ก็ย่อมเป็นเครื่องอุปโภคของคนที่มั่งคั่ง ข้าพระพุทธเจ้า เห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเป็นคนเลวทราม คนมีศิริ เท่านั้นเป็นคนประเสริฐ พระเจ้าข้า. [๒๐๙๙] ศิริย่อมละคนโง่ผู้ไม่จัดแจงการงาน ไม่มีความคิด มีปัญญาทราม เหมือนงูละทิ้งคราบเก่าไป ฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเท่านั้น ประเสริฐคนโง่ถึงมียศจะประเสริฐ อะไร พระเจ้าข้า. [๒๑๐๐] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ คน เป็นบัณฑิต ทุกคน กราบไหว้บำรุงพระองค์ พระองค์เป็นอิสระครอบงำข้าพระพุทธเจ้า ทั้งหลาย ดุจท้าวสักกเทวราชผู้เป็นเจ้าแห่งหมู่สัตว์ ฉะนั้น ข้าพระ- พุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญา เป็นคนเลวทราม คนมีศิริเท่านั้น เป็นคนประเสริฐ พระเจ้าข้า. [๒๑๐๑] คนโง่ถึงจะมียศ ก็เป็นทาสของคนมีปัญญา เมื่อกิจการต่างๆ เกิดขึ้น คนฉลาดย่อมจัดแจงกิจอันละเอียดใด คนโง่ย่อมถึงความหลงใหลใน กิจนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นข้อความแม้นี้ จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญา นั้นแลประเสริฐ คนโง่ถึงมียศจะประเสริฐอะไร พระเจ้าข้า. [๒๑๐๒] แท้จริง สัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญปัญญาเท่านั้น ศิริเป็นที่ใคร่ของ คนโง่ เพราะมนุษย์ทั้งหลายยินดีในโภคสมบัติ ก็ความรู้ของท่านผู้รู้ ทั้งหลาย ใครๆ ชั่งไม่ได้ ในกาลไหนๆ คนมีศิริย่อมไม่ล่วงเลยคน มีปัญญาไปได้ ไม่ว่าในกาลไหนๆ. [๒๑๐๓] ดูกรมโหสถผู้เห็นธรรมทั้งสิ้น เราได้ถามปัญหาข้อใดกะเจ้า เจ้าได้ ประกาศปัญหาข้อนั้นแก่เราแล้ว เรายินดีด้วยการแก้ปัญหาของเจ้า เรา ให้โคพันหนึ่ง โคอุสุภราชา ช้าง รถเทียมด้วยม้าอาชาไนย ๑๐ ตัว และบ้านส่วย ๑๖ ตำบล แก่เจ้า.
จบ ศิริมันทชาดกที่ ๔.

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ บรรทัดที่ ๘๒๔๔-๘๓๓๗ หน้าที่ ๓๖๕-๓๖๘. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=27&A=8244&Z=8337&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=27&siri=500              ศึกษาอรรถกถาชาดกนี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=2084              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [2084-2103] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=27&item=2084&items=20              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=41&A=1053              The Pali Tipitaka in Roman :- [2084-2103] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=27&item=2084&items=20              The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=41&A=1053              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ https://84000.org/tipitaka/read/?index_27              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/ja500/en/rouse

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :