ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๔ กถาวัตถุปกรณ์
ปัญจวิญญาณสมังคิมัคคภาวนากถา
[๑๓๘๗] สกวาที บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยวิญญาณ ๕ ยังมรรคให้เกิดได้ หรือ? ปรวาที ถูกแล้ว ส. วิญญาณ ๕ มีธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเป็นวัตถุ (ที่อาศัย) มีธรรมที่เกิดขึ้น แล้วเป็นอารมณ์ มิใช่หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. หากว่า วิญญาณ ๕ มีธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเป็นวัตถุ มีธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นอารมณ์ ก็ต้องไม่กล่าวว่า บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยวิญญาณ ๕ ยังมรรคให้เกิดได้ [๑๓๘๘] ส. วิญญาณ ๕ มีธรรมที่เกิดก่อนเป็นวัตถุ มีธรรมที่เกิดขึ้นก่อนเป็นอารมณ์ มีธรรมภายในเป็นวัตถุ มีธรรมภายนอกเป็นอารมณ์ มีธรรมที่ยังไม่ทำ ลายเป็นวัตถุ มีธรรมที่ยังไม่ทำลายเป็นอารมณ์ มีวัตถุต่างๆ มีอารมณ์ ต่างๆ ไม่เสวยโคจรวิสัยแห่งกันและกัน เกิดขึ้นโดยไม่มีการสนใจไม่ได้ เกิดขึ้นโดยไม่มีการทำไว้ในใจไม่ได้ เกิดขึ้นโดยไม่เจือด้วยสัมปฏิจ- ฉันนจิตเป็นต้นไม่ได้ เกิดขึ้นไม่ก่อนไม่หลังกันไม่ได้ เกิดขึ้นในลำดับ อันชิดแห่งกันและกันก็ไม่ได้ มิใช่หรือ ฯลฯ วิญญาณ ๕ ไม่มีความผูกใจ มิใช่หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. หากว่า วิญญาณ ๕ ไม่มีความผูกใจ ก็ต้องไม่กล่าวว่าบุคคล ผู้มีความ พร้อมเพรียงด้วยวิญญาณ ๕ ยังมรรคให้เกิดขึ้นได้ [๑๓๘๙] ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยวิญญาณ ๕ ยังมรรคให้เกิดได้ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. จักขุวิญญาณปรารภความว่างเปล่า เกิดขึ้นได้ หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ ส. จักขุวิญญาณปรารภความว่างเปล่า เกิดขึ้นได้ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. เพราะอาศัยจักษุและความว่างเปล่า จึงเกิดจักขุวิญญาณขึ้น หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ ส. เพราะอาศัยจักษุและความเป็นของว่างเปล่า จึงเกิดจักขุวิญญาณขึ้น หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. คำว่า เพราะอาศัยจักษุและความว่างเปล่า จึงเกิดจักขุวิญญาณขึ้น ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง หรือ? ป. ไม่มี ส. คำว่า เพราะอาศัยจักษุและรูปทั้งหลาย จึงเกิดจักขุวิญญาณขึ้น ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. หาก คำว่า เพราะอาศัยจักขุและรูปทั้งหลาย จึงเกิดจักขุวิญญาณขึ้น ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง ก็ต้องไม่กล่าวว่า เพราะอาศัยจักษุและความ ว่างเปล่า จึงเกิดจักขุวิญญาณขึ้น [๑๓๙๐] ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยจักขุวิญญาณ ยังมรรคให้เกิดขึ้นได้ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. จักขุวิญญาณปรารภอดีตและอนาคต เกิดขึ้น หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยจักขุวิญญาณ ยังมรรคให้เกิดได้ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. จักขุวิญญาณปรารภผัสสะ ปรารภเวทนา ปรารภสัญญา ปรารภเจตนา ปรารภจิต ปรารภจักษุ ฯลฯ ปรารภกาย ปรารภเสียง ฯลฯ ปรารภโผฏฐัพพะ เกิดขึ้น หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยมโนวิญญาณ ยังมรรคให้เกิดได้ และ มโนวิญญาณปรารภความว่างเปล่า เกิดขึ้นได้ หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยจักขุวิญญาณ ยังมรรคให้เกิดได้ และ จักขุวิญญาณปรารภความว่างเปล่า เกิดขึ้นได้ หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยมโนวิญญาณ ยังมรรคให้เกิดได้ และ มโนวิญญาณปรารภอดีตและอนาคต เกิดขึ้น หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยจักขุวิญญาณ ยังมรรคให้เกิดได้ และ จักขุวิญญาณปรารภอดีตและอนาคต เกิดขึ้น หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยมโนวิญญาณ ยังมรรคให้เกิดได้ และ มโนวิญญาณปรารภผัสสะ ฯลฯ ปรารภโผฏฐัพพะ เกิดขึ้น หรือ? ป. ถูกแล้ว ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยจักขุวิญญาณ ยังมรรคให้เกิดได้ และ จักขุวิญญาณปรารภผัสสะ ฯลฯ ปรารภโผฏฐัพพะ เกิดขึ้น หรือ? ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๑๓๙๑] ส. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยวิญญาณ ๕ ยังมรรคให้เกิด ได้ หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว เป็นผู้ไม่ถือนิมิต ไม่ถือโดยอนุพยัญชนะ ฯลฯ ฟังเสียงด้วยโสตแล้ว ฯลฯ สูดกลิ่นด้วยฆานะแล้ว ฯลฯ ลิ้มรสด้วย ชิวหาแล้ว ฯลฯ ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว เป็นผู้ไม่ถือนิมิต ไม่ถือโดยอนุพยัญชนะ ดังนี้ ๑- เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ? ส. ถูกแล้ว ป. ถ้าอย่างนั้น บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยวิญญาณ ๕ ก็ยังมรรคให้เกิด ได้ นะสิ
ปัญจวิญญาณสมังคิมัคคภาวนากถา จบ
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๗ บรรทัดที่ ๑๓๗๙๖-๑๓๘๗๕ หน้าที่ ๕๗๕-๕๗๘. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=37&A=13796&Z=13875&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=37&siri=118              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=37&i=1387              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [1387-1391] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=37&item=1387&items=5              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=55&A=5628              The Pali Tipitaka in Roman :- [1387-1391] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=37&item=1387&items=5              The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=55&A=5628              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ https://84000.org/tipitaka/read/?index_37              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/kv10.3/en/aung-rhysdavids

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :